ไม่พบผลการค้นหา
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่กังวล 'พล.อ.ประวิตร' นั่งประธานสรรหา ส.ว. เชื่อเสียงประชาชนจะเป็นผู้กำหนดทิศทางประเทศ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังร่วมบันทึกเทปดีเบตพรรคการเมืองที่จัดโดย กกต. ว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ละท่านต่างเตรียมตัวเพื่อนำเสนอนโยบาย สำหรับพรรคภูมิใจไทย สิ่งที่เราต้องการนำเสนอแก่ประชาชน คือ การทลายทุกข้อจำกัด ลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน หรือการทำลายกฎกรอบที่เอื้อต่อการผูกขาดโดยรัฐ หรือเอกชน ให้ประชาชนมีโอกาสในการทำมาหากินเพิ่มขึ้น 

ส่วนตัวเคยบริหารธุรกิจมาก่อน เคยเห็นบริษัทเป็นหนี้มหาศาลอันเกิดจากปัญหาวิกฤตปี 40 แต่ตราบใดที่โครงสร้างบริษัทยังแกร่ง เราสามารถแก้ไขและพัฒนาให้ทำกำไรได้ ประเทศไทยก็เช่นกัน ตนมั่นใจว่าโครงสร้างเศรษฐกิจเราเข้มแข็ง แต่ต้องได้การบริหารจัดการที่ดี จัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่าย ที่สำคัญเงินต้องหมุนในประเทศไทย 

อย่างไรก็ดี ระหว่างรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ต้องจ้างต่างชาติเกือบทั้งหมด กับการสร้างสาธารณูปโภค อาทิ ถนน 12 เลน คุณภาพดี ซึ่งทุกคนใช้ร่วมกันได้ ที่สำคัญเงินอยู่กับคนไทย คนไทยทำ ของคนไทย คนไทยใช้ เราต้องเลือกให้ดี ส่วนตัวสนับสนุน Thailand First อยู่แล้ว ทั้งนี้ ในประเด็นการเมือง ตนเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และขอวิงวอนให้ทุกคนช่วยกันรักษาระบอบนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย

เมื่อถามถึงกรณีที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการคัดเลือก ส.ว. นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่กังวลว่าใครจะมานั่งในตำแหน่งไหน หรือจะมีอำนาจอย่างไร เรื่องเหล่านี้ ตนไม่อยากคิดมาก หน้าที่ของพรรคการเมืองคือชูนโยบาย สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน และที่สำคัญเชื่อว่าเสียงของประชาชนมีพลังมากพอจะกำหนดทิศทางประเทศ รวมถึงชี้ว่าใครจะเป็นนายกฯ

นอกจากนั้น นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกฎหมายกัญชาของภาครัฐว่า กฎหมายที่ภาครัฐเพิ่งออกมา ไม่กระทบกับภูมิใจไทย เพราะทางนั้น กำหนดให้เพียงบางหน่วยงานที่ปลูกได้ จำหน่ายได้ เรียกให้ง่ายคือ ยังไม่เป็นเสรี แต่พรรคภูมิใจไทยให้ทุกครัวเรือนมีสิทธิ์ปลูกและหารายได้อย่างเท่าเทียม ไม่มีกลุ่มทุนใดองค์กรใดเข้ามาครอบงำ หรือได้ประโยชน์เหนือประชาชน 

ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ ปฏิเสธร่วมดีเบต นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน แต่สำหรับเรา การดีเบต ก่อให้เกิดประโยชน์ 2 ฝ่าย ประชาชนได้ทราบนโยบาย และพรรคได้มีโอกาสเสนอนโยบาย ผู้ที่ปฏิเสธโอกาสตรงนี้ ตนเสียดายแทน