ไม่พบผลการค้นหา
เลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช พปชร.ปะทะ ปชป. ฐานเสียงสูสี วัดกันที่นโยบาย 'แจกเงินด้วยคนละครึ่ง' กับ 'ประกันรายได้' จับตาวันกาบัตร 7 มี.ค.นี้ วัดใจประชาชนคนนครศรีธรรมราชจะชี้ขาดพรรคใด

สำหรับการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ เทพไท เสนพงศ์ จากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) สิ้นสภาพการเป็น ส.ส. ตัดสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี ฐานความผิดทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.

โดยการเลือกตั้งซ่อม 2 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศส่งผู้สมัคร ลงแข็งขันด้วยกันทั้งคู่

เทพไท เสนพงษ์


ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ส่ง อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ นายอำเภอเขาชัยสน พัทลุง ลงล้างตา หลังจากแพ้เทพไท มาแล้วในการเลือกตั้งปี 2562 ส่วนประชาธิปัตย์ เจาะจงส่ง พงษ์สิน เสนพงศ์ น้องชายของเทพไท ลงแข่งขัน เพื่อรักษาพื้นที่เดิมเอาไว้ให้ได้

ก่อนหน้านี้ประชาธิปัตย์ เปิดเกมเบรกพลังประชารัฐ ให้คำนึงถึงมารยาททางการเมือง โดยพื้นที่เขต 3 นครศรีธรรมราช เดิมเป็นของประชาธิปัตย์ก็ควรให้ประชาธิปัตย์ ส่งผู้สมัครในนามพรรคร่วมรัฐบาล เพราะหากส่งพร้อมกันทั้ง 2 พรรค ดีไม่ดี อาจเสียเก้าอี้ให้พรรคฝ่ายค้านได้

ทว่าทางฝั่งพลังประชารัฐนั้น กลับมีความมั่นอกมั่นใจว่า จะชนะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นแน่แท้ หากได้มีโอกาสส่งผู้สมัครลงล้างตาอีกครั้ง และไม่ห่วงว่าศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จะกระทบต่อเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่

หากเทียบการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 จะพบว่า ผู้สมัครของพรรค พปชร.แพ้ผู้สมัครของ ปชป. ประมาณ 5 พันคะแนน เท่านั้น

อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ นครศรีธรรมราช พลังประชารัฐ 811218332551_8235739332193297858_o.jpg

อันดับ 1 เทพไท เสนพงศ์ ประชาธิปัตย์ 33,310 คะแนน

อันดับ 2 อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ พลังประชารัฐ 28,742 คะแนน

อันดับ 3 ร.ท. สนั่น พิบูลย์ ภูมิใจไทย 15,490 คะแนน

ว่ากันด้วยชั้นเชิงและประสบการณ์ “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” มีภาษีเป็นคนในตระกูลนักการเมืองดังของนครศรีธรรมราช เคยเป็นรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครศรีธรรมราช เลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลนครศรีธรรมราช รองประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เลขาอนุการคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ ที่ปรึกษาคณะกรรมการกฎหมายสิทธิมนุษยชน ฯลฯ

พงษ์สิน เสนพงศ์

ขณะที่ อาญาสิทธิ์ จาก พปชร. เป็นข้าราชการประจำ โดยเป็นนายอำเภอหลายพื้นที่ รวมถึง อําเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอยู่ในเขต 3 นครศรีธรรมราช ก่อนจะลาออกมาลงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ซึ่งภายหลังแพ้การเลือกตั้ง จึงได้กลับไปรับราชการ เป็นนายอําเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง

แม้เขต 3 นครศรีธรรมราช จะเป็นพื้นที่เดิมของพรรคประชาธิปัตย์ แต่การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์

เพราะพลังของพรรคประชาธิปัตย์ ลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ นับแต่ตั้งการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา ยิ่งบวกกับการที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็ยิ่งเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าของประชาชนคนใต้

ในขณะที่ หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการเปิดศึกชนวนใหญ่ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสั่นคลอน ด้วยเหตุนี้ ทั้ง 2 พรรค จึงพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะคารม หลังจากโต้เถียงกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันไปแล้วก่อนหน้านี้

ในสนามการหาเสียง จึงเป็นเวลาของการโฆษณาหาเสียงกันด้วยนโยบาย ว่าของใครจะแน่กว่ากัน ระหว่างประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ ใครจะโดนใจ ชนะใจประชาชน

พลังประชารัฐ รงค์ บุญสวยขวัญ อาญาสิทธิ์

สำหรับ "พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” เชื่อว่าแบรนด์พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้รับความนิยมในนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเขต 3 ซึ่งนามสกุล “เสนพงศ์” ครองพื้นที่มาเนิ่นนาน  

ยิ่งบวกกับนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เกษตรกรต่างได้รับโยชน์กันถ้วนหน้า ก็ยิ่งจะเพิ่มความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นตามลำดับ

เพราะนับตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมรัฐบาล ก็ได้เริ่มโครงการประกันรายได้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ครอบลุมเกษตรกรมากกว่า 4. ล้านราย ยางพารา ครอบคลุมเกษตรกรมากกว่า 1.8 ล้านราย มันสำปะหลัง ครอบคลุมเกษตรกรมากว่า 524,000 ครัวเรือน ข้าวโพด ครอบคลุมจำนวน 4.5 แสนราย ปาล์มน้ำมัน ครอบคลุมเกษตรกร 378,473 ครัวเรือน

นับเป็นนโยบายและผลงานเด่นให้พรรคประชาธิปัตย์ ให้สามารถนำไปโฆษณาหาเสียงได้อย่างไม่อายปาก

เฉลิมชัย ประชาธิปัตย์ พงศ์สินธุ์ 3434.jpg

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ แม้ในช่วงที่ผ่านมา การขับเคลื่อนนโยบายจะยังไม่เห็นเป็นประจักษ์มากนัก ทว่ากลับมีผลงานสร้างชื่อคือ เน้นการแจกเงินกระตุ้นวิกฤตเศรษฐกิจ เริ่มจากเพิ่มวงเงินอีกคนละ 500 บาท สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครอบคลุมประชากร 14 ล้านคน

โดยพรรคพลังประชารัฐ ดำเนินนโยบายแจกเงินเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็น ชิม ช้อป ใช้ แจกคนละ 1,000 บาท 15 ล้านสิทธิ์ ซึ่งมีการขยายโครงการไปถึงเฟส 3

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 กลางปี 2563 รัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ คิดนโยบาย เราไม่ทิ้งกัน แจกคนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ครอบคลุมประชากรผู้ประกอบอาชีพอิสระกว่า 15 ล้านคน เกษตรกร 8 ล้านคน กลุ่มเปราะบาง 6 ล้านคน

กระทั่งมามาออกมาตราการคนละครึ่ง และล่าสุดจะแจกเงินผู้ประกันตนตามมาตรา 33 คนละ 4,000 บาท ครอบคลุมประชากร 9 ล้านคน

จับตาการโฆษณาหาเสียงของ 2 พรรคร่วมรัฐบาล พรรคใดจะชูความโดดเด่นของนโยบายแต่ละด้านได้ดีกว่ากัน

และคนนครฯ เขต 3 ว่าจะเลือกใคร ในวันที่ 7 มี.ค.2564

ข่าวที่เกี่ยวข้อง