ไม่พบผลการค้นหา
"เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ยื่นหนังสือให้หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อพิจารณาออกคำสั่งให้ "ชัช ชลวร" ไม่มีสถานะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และมีคำสั่งให้เพิกถอนมติของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อไปด้วย

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า มติของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาตินั้น ตนยังติดใจเพราะเป็นคนยื่นคำร้องทักท้วงว่า บุคคลหนึ่งในองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือ นายชัช ชลวร นั้น พ้นจากตำแหน่งด้วยการลาออกมาตั้งแต่เดือน ส.ค. 2554 แล้วหรือไม่ แต่ไม่ได้รับการพิจารณาแต่อย่างใด

นายเรืองไกร กล่าวว่า การไม่พิจารณาดังกล่าว ไม่ได้แปลว่า คำร้องทักท้วงของตนไม่มีมูล ซึ่งกรณีของนายชัช ชลวร นั้น ได้มีการลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 และมีพระบรมราชโองการให้พ้นตำแหน่งแล้ว แต่นายชัช ชลวร ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป โดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงว่า นายชัช ชลวร มีสองสถานะมาตั้งแต่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2551

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า การชี้แจงของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีข้อสังเกตที่อาจเป็นปัญหาตามมาว่า นายชัช ชลวร พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามที่ประธานวุฒิสภากราบบังคมทูลแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ มีข้อสังเกตุจากหนังสือของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้แจงไว้พอสรุปได้ 3 กรณี คือ

กรณีที่ 1 นายชัช ชลวร มีสองสถานะมาตั้งแต่แรก โดยการอ้างข้อความจากพระบรมราชโองการที่ระบุว่า “... ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งเก้า...” ซึ่งไม่ตรงกับข้อความในพระบรมราชโองการ เพราะข้อความที่ถูกต้องใช้คำว่า “ซึ่งบุคคลทั้งเก้า...”   

กรณีที่ 2 หากนายชัช ชลวร มีสองสถานะมาตั้งแต่แรก ก็เป็นเรื่องแปลกที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีหนังสือขอให้ประธานวุฒิสภากราบบังคมทูลเพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายชัช ชลวร พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2554  

กรณีที่ 3 แต่ต่อมา ตามพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญ (ราชกิจจานุเบกษา หน้า 2 เล่ม 128 ตอนพิเศษ 138 ง วันที่ 17 พฤศจิกายน 2554) ซึ่งในพระบรมราชโองการหาได้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายชัช ชลวร เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2554 แต่อย่างใด

นายเรืองไกร กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้เกิดมานานแล้วตั้งแต่สิงหาคม 2554 และมามีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 18 วรรคสอง บัญญัติว่า “ประธานศาลรัฐธรรมนูญซึ่งลาออกจากตำแหน่งให้พ้นจากตำแหน่งตุลาการด้วย”

ดังนั้น กรณีที่นายชัช ชลวร ได้พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญด้วยการลาออกไปแล้ว จึงไม่ควรจะมีสถานะตุลาการศาลรัฐธรรมนุญเหลืออยู่แต่อย่างใด ดังนั้น การที่องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ลงมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ มีนายชัช ชลวร รวมอยู่ด้วย จึงอาจไม่ชอบ 

แต่มติของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่มีศาลอื่นมีอำนาจวินิจฉัยได้ จึงเป็นปัญหาที่ต้องร้องขอมายังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อใช้ มาตรา 44 ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ให้ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และหลักนิติธรรมต่อไป 

นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ลงมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรวมอยู่ด้วย อาจเท่ากับมีคนนอกร่วมลงมติ ก็จะทำให้มติดังกล่าวมีปัญหาตามมาทันที 

ทั้งนี้ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่บัญญัติว่า “พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและให้ผู้พิพากษาและตุลาการพ้นจากตำแหน่ง แต่ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะความตาย เกษียณอายุ ตามวาระ หรือพ้นจากราชการเพราะถูกลงโทษให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ”

ดังนั้น กรณีของนายชัช ชลวร จึงต้องทำให้ชัดเจนถูกต้อง ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ ตนได้ทักท้วงแล้ว แต่ศาลรัฐธรรมนูญกลับไม่พิจารณา ดังนั้น กรณีของนายชัช ชลวร ที่มีปัญหาว่า มีสถานะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยชอบ หรือไม่ นั้น จึงต้องร้องขอให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทำการตรวจสอบต่อไปว่า นายชัช ชลวร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ ถ้ามี มีตั้งแต่เมื่อใด ถ้าไม่มี ก็ขอให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อพิจารณาออกคำสั่งให้นายชัช ชลวร ไม่มีสถานะเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และมีคำสั่งให้เพิกถอนมติของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อไปด้วย โดยตนจะไปยื่นหนังสือร้องด้วยตนเองที่ศูนย์รับเรื่องฯ ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 10.00 น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง