เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 2566 ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน อ.เมือง จ.น่าน พรรคเพื่อไทย เบอร์ 29 จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ในต่างจังหวัดเป็นเวทีแรก ที่ จ.น่าน หลังมีการสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อเสร็จสิ้น นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.น่าน เขตเลือกตั้งที่ 2 เบอร์ 1 พร้อมด้วย ทรงยศ รามสูตร ผู้สมัคร ส.ส.น่าน เขตเลือกตั้งที่ 1 เบอร์ 6 และ ณัฐพงศ์ สุปริยศิลป์ ผู้สมัคร ส.ส.น่าน เขตเลือกตั้งที่ 3 เบอร์ 1 โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย สุทิน คลัแสง พานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ร่วมเวทีปราศรัย ท่ามกลางประชาชนที่มารอรับฟังการปราศรัยแน่นขนัด

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยนั่งฟังการปราศรัยอย่างเหนียวแน่นตั้งแต่เริ่มปราศรัยจนจบการปราศรัยของคนสุดท้าย

โดย นพ.ชลน่าน ปราศรัยตอนหนึ่งว่าวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเป็นวันตัดสินอนาคตเรา ลูกหลานเรา และประเทศของเรา ซึ่งตนมั่นใจว่าคน จ.น่านจะเลือกพรรคเพื่อไทยแบบแลนด์สไลด์ครบทั้ง 3 เขต รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย “เพื่อเอาประยุทธ์ออกไป มาทางไหน ไปทางนั้น”

นพ.ชลน่านระบุถึงเหตุผลที่ตนเองไม่ลง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่าเดิมทีตนนั้นตั้งใจจะไปลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แล้วหาคนมาลงเขตแทน แต่กลับมีเสียงจากคนในพื้นที่บอกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก หากเอาตัวเแทนมาอาจจะแตกยับเลือดสาดนองแผ่นดินได้ แต่ถ้าตนมาลงเองจะสู้ได้และชนะแน่นอน 99.99% 

“น่านเป็นจังหวัดหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถ้าชนะไม่ขาด อนาคต ผมอาจลงมาเป็นลูกพรรคอีกได้” นพ.ชลน่าน ระบุ 

นพ.ชลน่าน ย้ำว่า สิ่งที่คน จ.น่าน จะได้นั้น 30 บาทรักษาทุกโรคยุคใหม่ไม่ต้องรอหมอรอยา 30 บาทยุคใหม่รักษาที่ไหนก็จ่ายที่นั่นได้

จากนั้น แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ปราศรัยผ่านวิดีโอลคอลระบบซูม โดยทักทายชาวน่านเป็นภาษาเหนือ "สวัสดีจ้าว” พร้อมขอโทษที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมเวทีปราศรัยด้วยตัวเองแต่ส่งทีมพื่อไทยไปฟูลทีม หากมีโอกาสจะได้พบกัน ชี้แจงเหตุเดินทางมาจังหวัดน่านไม่ได้ และหมอขอให้งดเดินทางในช่วงใกล้คลอดและอยู่กรุงเทพฯ โดวย้ำอยากเจอประชาชน พร้อมขอแรงสนับสนุนให้วันที่ 14 พ.ค.นี้ขอกาพรรคเพื่อไทยเบอร์ 29  

แพทองธาร ระบุว่า เรื่องที่ดินทำกิน หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะเร่งรัดจัดหาที่ดิน 50 ล้านไร่ ให้ประชาชนได้ทำกิน ซึ่งพ่อของตน คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพยายามดำเนินการมาแล้วในสมัยเป็นรัฐบาล ยืนยันจะแก้กฎหมายเพื่อประชาชนให้มีที่ดินทำกิน ทำการพิสูจน์สิทธิ์ หรือที่ดินที่รัฐไม่ได้ใช้จะนำมาจัดสรรให้ประชาชนทำกิน 

แพทองธาร ย้ำว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าแก๊ส จะลดราคาทันที นอกจากนี้ยังประชาสัมพันธ์โครงการนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ให้ผู้มีอายุ 16 ปีรับสิทธิได้ โดยแม้ว่าโยบายดีๆใครก็ทำได้ แต่ย้ำว่าพรรคเพื่อพูดแล้วทำได้แน่นอน และจะทยอยทำทีละข้อแน่นอน เพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ก่อนจะทิ้งท้ายขอแลนด์สไลด์เพื่อไทย และทั้ง 3 เขตเลือกตั้งใน จ.น่าน 

จากนั้น เศรษฐา ทวีสิน ปราศรัยว่า การมาครั้งนี้เป็นการพูดครั้งแรกในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ท้าชิงคนที่30 ทั้งนี้เมื่อวันที่ 5 เม.ย.เป็นเกียรติประวัติสูงสุด และตนจะทำความฝันของพี่น้องชาวน่านให้ออกจากหลุมดำของความยากจน และพร้อมทำหน้าที่ทรงเกียรตินี้ เป็นเวทีแรกหลังประกาศแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โดย นพ.ชลน่าน เป็น ส.ส.หลายสมัยได้รับคะแนนไว้วางใจสูงสุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และตนได้เรียนรู้วิชาการเมืองกับ นพ.ชลน่าน 

“8 ปีที่ผ่านมาพอหรือยังกับพล.อ.ประยุทธ์ และผมได้ฟังมาทุกเวทีตะแบงอยู่ได้ว่าสุจริต ทั้งที่มีดัชนีทุจริต ส่วนนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เราจะให้ใช้ใน 6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมโหฬารในรัศมี4 กิโลเมตร โดยเอาไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ ไม่ใช่รัฐบาลปัจจุบันมาหยอดน้ำข้าวต้มทีละ1,000 บาท พอประกาศนโยบายไปพรรคอื่นก็มากระแนะกระแหน ตลอดเวลา” เศรษฐา ระบุ

เศรษฐา ระบุว่า นิมิตหมายดี พรรคเพื่อไทยไม่พูดถึงพรรคอื่น เพราะนโยบายพรรคเพื่อไทยมันโดนใจ ไม่ต้องไปฟัง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเขาไม่เข้าใจก็ปล่อยเขาไป พรรคเพื่อไทยพร้อมนำนโยบายใหม่ๆให้หลุดพ้นหลุมดำความยากจน

เศรษฐา ปราศรัยว่า เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว เป็นมรดกโลกแล้ว ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลให้ จ.น่าน เป็นมรดกโลกเมืองคู่แฝดหลวงพระบาง จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามา และจะผลักดันให้ จ.น่าน มีสนามบินนานาชาติ ไม่ใช่สนามบินในประเทศ จะให้ขายการท่องเที่ยวบินมา30 นาทีเป็นเมืองคู่แฝดกับหลวงพระบางได้ และจะทำให้เมืองรองทั้งหลายมีความเจริญก้าวหน้า โดยแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคจะไปโฆษณาเมืองท่องเที่ยวกับผู้นำโลก

เศรษฐา ปราศรัยตอนท้าย ว่า เรื่องฝุ่น PM 2.5 พรรคเพื่อไทยมีวิธีการแก้ไขปัญหา ไม่จำเป็นต้องเผาซังข้าวโพด พรรคเพื่อไทยเสนอวิธีแก้ปัญหาโดยนำซังข้าวโพดนำมาทำอาหารสัตว์ ถ่านไร้ควัน ทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ ก่อให้เกิดรายได้ พร้อมนำนวัตกรรมการปลูกพืชยืนต้น เช่น กาแฟ ไผ่ อะโวคาโด มาเสริม หากมีที่ดินปลูกข้าวโพด 100 ไร่ จะตัดมา 10-15 ไร่ ปลูกไม้ยืนต้น สร้างรายได้อีกทางพร้อมลด PM2.5 ไปในตัว

“ที่พูดมาจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากไม่เลือกพรรคเพื่อไทยเบอร์ 29 ที่ผ่านมานายแพทย์ชลน่านตั้งเป้าตัวเลขที่ 250 ถึง 310 เสียงขึ้นไป แต่ส่วนตัวผมมองว่าอาจไม่พอ ต้อง 376 เสียงขึ้นไปเพื่อจัดตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ดูแลได้ทุกกระทรวง ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงใหญ่ เช่น กระทรวงวัฒนธรรมถือว่าเป็นกระทรวงสำคัญสำหรับคนน่าน เพราะดูแลเรื่องมรดกโลก ดังนั้น ขอให้เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้ง 3 เขต เพื่อให้พรรคเพื่อไทยสามารถนำนโยบายที่ดีๆ มาให้พี่น้องประชาชนได้อยู่ดีกินดี มีความสุข หลุดพ้นจากหลุมดำแห่งความยากจนสำเร็จ” เศรษฐากล่าว

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่ไทย ปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ ถ้าแบ่งใจให้พรรคอื่นอาจได้ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กลับมา การเลือกตั้งครั้งนี้จึงขอเลือกเพื่อไทยจังหวัดน่านทั้ง 3 เขต ให้สมศักดิ์ศรีหัวหน้าพรรค จะได้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ ส่งลูกหลานคนเมืองน่านทำหน้าที่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

ในส่วนนโยบายเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท ที่ทาง กกต. เรียกพรรคเพื่อไทยไปชี้แจงนั้น มีคนกังวลว่าอาจถูกยุบพรรค ณัฐวุฒิย้ำว่าพี่น้องอย่าตกใจไป เพราะเจ้าหน้าที่กกต.ก็ลำบากใจเต็มที แต่นโยบายนี้ ‘มาจริง มาชัด มาเต็ม’ แน่นอน แต่ย้ำว่าต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ในกรอบรัศมี 4 กิโลเมตร ถ้าพื้นที่ห่างไกล รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะปรับขยับขยายให้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่คนไทยทั้งประเทศมีคนละหมื่น

“พรรคเพื่อไทย ไม่เคยมองประชาชนเป็นยาจก พรรคเพื่อไทยมองประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการทำงานของพลเอกประยุทธ์ เราจะเดินทางไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าด้วยรัฐบาลที่ประสิทธิภาพที่สูงกว่า” ณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

หาม! ‘ชัยเกษม’ ระหว่างลงพื้นที่ ‘น่าน’ พบก้อนเลือดแห้งในสมอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน จังหวัดน่าน ที่จัดขึ้นในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้เนื่องจากมีอาการป่วยกะทันหัน

โดยเมื่อเวลาประมาณ 20.40 น. ที่ ถนนคนเดิน หน้าวัดภูมินทร์ อ.เมือง จ.น่าน เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาและครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย พานทองแท้ ชินวัตร ลงพื้นที่พบปะพ่อค้าแม่ค้าบริเวณถนนคนเดิน

โดย เศรษฐาชี้แจงถึงกระแสข่าว ชัยเกษม มีอาการป่วนกะทันหันว่า ช่วงตอนบ่าย ชัยเกษม ได้เดินที่วัดพระธาตุแช่แห้งพระอารามหลวง เนื่องจากมีอาการเพลียนิดหน่อย เพราะอากาศร้อนอากาศร้อน ทำให้ ชัยเกษมต้องไปพักที่โรงแรม โดยมีแพทย์ดูแลอาการ และแจ้งว่ามีอาการปวดหัวนิดหน่อย อย่างไรก็ตามตนไม่ทราบว่าจะถึงอาการของ ชัยเกษม เดินทางกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ทันทีเลยหรือไม่ ขณะนี้อยู่ในการรักษาของแพทย์แล้ว เชื่อคงไม่มีอะไร

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ชัยเกษม ได้พบแพทย์และตรวจซีทีสแกน พบว่ามีก้อนเลือดแห้งอยู่ในสมอง คาดว่าเป็นมาสักพักแล้ว ตอนนี้ยังไม่ส่งผลร้ายแรงอะไร แต่แพทย์ได้วินิจฉัยแนะนำให้ตรวจละเอียดที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ