ไม่พบผลการค้นหา
จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯอาจจะอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะมีมากหลายล้านคนในสหรัฐฯ

ดร.แอนโทนี่ โฟชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแภ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐฯ ประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดข-19 ในสหรัฐฯอาจจะอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะมีมากหลายล้านคนในสหรัฐฯ

ปัจจุบันสหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 142,000 รายมากที่สุดในโลก ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2,484 ราย ซึ่งเพิ่มเป็นสองเท่านั้นจากช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้สหรัฐฯ กำลังเข้าภาวะขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งในหลายๆ รัฐ เครื่องช่วยหายใจที่ใช้กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในภาวะวิกฤตกำลังจะไม่เพียงพอ โดยในรัฐนิวยอร์กที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนั้นมีความต้องการเครื่องช่วยหายใจอีกหลายร้อยเครื่องภายในสัปดาห์นี้ และมีความต้องการเครื่องช่วยหายใจเพิ่มถึง 15,000 เครื่อง

ขณะที่ในรัฐนิวออร์ลีนส์มีการประเมินว่าเครื่องช่วยหายใจก็กำลังจะขาดแคลนในช่วงวันที่4 เมษายนที่จะถึงนี้เช่นกัน

ยอดผู้เสียชีวิตในยุโรปแตะหมื่นราย

ขณะที่อิตาลียังเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด โดยอิตาลีมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 97,000 รายแล้วมากเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐฯ

ทางด้านนักไวรัสวิทยาชาวอิตาลีชี้ว่า อิตาลีอาจจะกำลังเข้าสูงช่วงระบาดสูงสุดในเร็วๆ นี้ หลังจากที่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาอิตาลีมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึงเกือบ 1,000 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มมีแนวโน้มลดลง โดยอัตราจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของอิตาลีเพิ่มขึ้น 5.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุด นับตั้งแต่มีการระบาดในประเทศมา อิตาลีมีผู้ติดเชื้อสูงสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อถึง 6,557 รายภายใน 24 ชม. 

ขณะที่ประเทศสเปนนั้นมีผู้เสียชีวิตรายวันมากที่สุด โดยเมื่อวันอาทิตย์ 29 มี.ค. สเปนมียอดผู้เสียชีวิต 838 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวมเกือบเป็นสองเท่าของผู้เสียชีวิตในจีน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 78,797 ราย

ทางด้านประเทศเยอรมนีก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกกว่า 4,700 ราย ทำให้เยอรมนีเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับสามของยุโรป โดยมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 62,435 ราย ขณะเดียวกันเยอรมนีก็เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดในยุโรป โดยมีผู้เสียชีวิตเพียง 541 รายเท่านั้น

ที่มา CNA / worldometer / the guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง