พรรคเพื่อไทย จัดโครงการอาสาสมัครร่วมสร้างสิ่งแวดล้อม “Green Evolution” รู้สิทธิ์ รู้ค่า รู้รักษา ให้ยั่งยืน เพื่อสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับเยาวชนและกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในปีนี้รัฐบาลตั้งเป้ามีรายได้ 2.7 ล้านล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ารายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งขาดทุน 4-5 แสนล้านบาท อีกทั้งประเทศไทยไม่มีเงินออม ทั้งที่มีทรัพยากรที่สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล เช่น ไม้มีค่า หากรัฐบาลเริ่มปลูกไม้มีค่าในปีนี้ ทั้งไม้สัก ไม้พยุง จำนวน 40 ล้านต้น ในอีก 40 ปีข้างหน้าสามารถตัดได้ มูลค่าจะอยู่ที่ต้นละ 30,000 บาท จะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลได้ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท
นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน , การพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสังคมที่ยังยืน ไม่ทิ้งภาระไว้ให้คนรุ่นหลัง ซึ่งมีหลากหลายวิธี
"ประเทศไทยควรนำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่สร้างเป็นคาแรคเตอร์ของแต่ละจังหวัด ต่อยอดเป็นโมเดลธุรกิจ เหมือนที่ญี่ปุ่น ประกาศให้ทุกจังหวัดสร้างคาแรคเตอร์ของตัวเองเพื่อนำไปสู่ท่องเที่ยว ซึ่งบ้านเรามีของดีมากมาย อย่างลิงลพบุรี หรือ พญานาคในบางจังหวัดของภาคอีสาน สามาถสร้างคุณค่า สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจจากสิ่งที่เรามีอยู่ได้"
น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร เขต 5 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จังหวัดสกลนครติดอันดับยากจนที่สุดในประเทศไทย ทั้งที่มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นลำดับต้นๆของประเทศ เป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ต้นคราม ที่สามารถแปรรูปเป็นผ้าย้อมครามสร้างรายได้ ตนจึงอยากผลักดันให้ชาวสกลนครนำเทคโนโลยีสร้างมูลค่าของสินค้า และนำนวัตกรรมมายกระดับผ้าย้อมคราม สร้างรายได้เข้าจังหวัดและผลักดันให้สกลนครหลุดพ้นจากความยากจน
สำหรับโครงการอาสาสมัครร่วมสร้างสิ่งแวดล้อม “Green Evolution” รู้สิทธิ์ รู้ค่า รู้รักษา ให้ยั่งยืน เพื่อสร้างจิตสำนักในอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน โดยเยาวชนเสนอให้รัฐส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าและลดภาษีการนำเข้ารถไฟฟ้า , ส่งเสริมโครงการ OPOT ( one person one tree ) และบังคับใช้กฎหมายตัดไม้ทำลายป่าอย่างเคร่งครัด ซึ่งข้อคิดเห็นดังกล่าว พรรคเพื่อไทยจะนำไปวางนโยบายหรือนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในอนาคต
กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติภูพาน และโรงแรม พีซี แกรนด์ พาเลซ จ.สกลนคร โดยมี ส.ส.เพื่อไทยและสมาชิกเพื่อไทยพลัสเข้าร่วมโครงการ อาทิ น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร เขต 5, นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย, ส.ส. สกลนคร เขต 1, นายพัฒนา สัพโส ส.ส. สกลนคร เขต 3, น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส. หนองคาย เขต 2, นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์, ส.ส. หนองคาย เขต 1, นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย
น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สมาชิกกลุ่มเพื่อไทยพลัส, น.ส.ชญาภา สินธุไพร สมาชิกกลุ่มเพื่อไทยพลัส, น.ส.อภิญญ์พงษ์ บุญศล สมาชิกกลุ่มเพื่อไทยพลัส, น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล สมาชิกกลุ่มเพื่อไทยพลัส และ ผศ.ดร. อรุณี กาสยานนท์ วิทยากรโครงการ