ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หลังมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างแน่นอน
ขณะที่ความพยายามในการสร้างวาทกรรมว่าเมื่อมีความมั่นคงจะทำให้มีคนมาลงทุนมากขึ้น ดีกว่าช่วงที่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันนั้น เป็นการมองที่ถูกต้องเพียงส่วนเดียว เพราะเป็นการกวาดปัญหาต่างๆ ไว้ใต้พรม เป็นมุมมองที่ส่งเสริมระบอบเผด็จการเท่านั้น
ดร.โสภณ กล่าวต่อว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังพอไปได้ เพราะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุน แต่การลงทุนจะไม่เท่ากับยุครัฐบาลประชาธิปไตย การอยู่ต่อในอำนาจของรัฐบาลปัจจุบัน ที่อ้างถึงความต่อเนื่องของนโยบาย ไม่ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นกว่านี้ เศรษฐกิจจะยังเป็นไปแบบ 5 ปีที่ผ่านมา
ในทางกลับกัน การที่รัฐบาลมีความพยายามที่จะอยู่ต่ออำนาจ โดยอาศัย ส.ว. 250 เสียง จะเกิดคำถามตามมาถึงความสง่างาม และหากเสถียรภาพรัฐบาลในอนาคตอยู่ในภาวะเสียงปริ่มน้ำ ย่อมส่งผลกระทบต่อความไม่มั่นใจของนักลงทุนเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ
ดร.โสภณ ตั้งคำถามถึงการทำงานและการตัดสินใจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ภายใต้ที่มาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ได้รับการแต่งตั้งจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ซึ่งการที่มีประชาชนร่วมลงชื่อถอดถอนจำนวนมากย่อมสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการทำงานของ กกต.ได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ปัญหาส่วนหนึ่งจากการทำงานของ กกต. ส่งผลให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อไปแบบไม่มีกำหนด ทำให้การคงอยู่ของรัฐบาลไม่มีความสง่างาม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :