แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า พฤติกรรมการกินอาหารที่มีปริมาณของโซเดียมสูงยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคไต โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ใช้ชีวิตและมักซื้ออาหารปรุงสำเร็จหรืออาหารกล่องสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อซึ่งมีปริมาณโซเดียมสูง หรือนิยมเติมเกลือหรือน้ำปลาในอาหารเพื่อให้มีรสเค็ม โดยผู้ที่ป่วยโรคไตในระยะแรกจะไม่พบอาการผิดปกติ ทำให้ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าป่วย แต่จะตรวจพบเมื่อโรคดำเนินไปมากแล้วหรือเข้าสู่โรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ที่ต้องได้รับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไตและการปลูกถ่ายไต ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาจำนวนมาก
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจึงควรระมัดระวังเรื่องการบริโภคอาหารด้วย โดยบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตไม่เกิน 6 ทัพพีต่อวัน ได้แก่ ข้าวขาว วุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ สาคู เป็นต้น หลีกเลี่ยงข้าวกล้องและขนมปัง สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 1-3 บริโภคอาหารกลุ่มโปรตีนไม่เกิน 7 ช้อนโต๊ะต่อวัน และผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 4-5 ไม่เกิน 5 ช้อนโต๊ะต่อวัน ได้แก่ ไข่ขาว เนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมูไม่ติดมัน เป็นต้น อีกทั้งควบคุมการบริโภคอาหารลดหวาน มัน เค็ม และดื่มน้ำ 1.5 ลิตรต่อวัน
ส่วนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 3-4 ที่ปัสสาวะน้อยลง แนะนำปริมาณน้ำดื่มเท่ากับปริมาณปัสสาวะทั้งวันบวกเพิ่ม 500 มิลลิลิตร หลีกเลี่ยงผักและผลไม้ที่มีโพแตสเซียมและฟอสฟอรัสสูง ได้แก่ แครอท บล็อกโคลี ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือเทศ แก้วมังกร มะละกอ น้ำส้มคั้น ผลไม้รวม เป็นต้น และอาหารที่มีพิวรีนสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ยอดผัก ใจผัก หน่อไม้หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น
อีกทั้งควรควบคุมโซเดียมและหลีกเลี่ยงการใช้ผงชูรสในการปรุงประกอบอาหาร รวมถึงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดด้วย นอกจากนี้ประชาชนทั่วไปก็ควรป้องกันภาวะไตเสื่อมที่จะนำไปสู่โรคไตเรื้อรังด้วยการบริโภคอาหารในปริมาณที่เหมาะสมตามธงโภชนาการและหลักโภชนบัญญัติ 9 ประการ รวมถึงบริโภคอาหารลดหวาน มัน เค็ม โดยบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน และเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน ทั้งในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังและประชาชนทั่วไป เพื่อการมีสุขภาพที่ดี
ทางด้าน นายแพทย์สมพงษ์ ชัยโอภานนท์ นักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านโภชนาการ) กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง หากมีการจัดการดูแลอาหารด้วยตนเอง หรือมีผู้ดูแลผู้ป่วยช่วยสนับสนุนจะช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้ ซึ่งจากการวิจัยโดยพัฒนาโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคอาหารของผู้ป่วย ด้วยการแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารด้วยผงชูรส จะเป็นทางเลือกที่ช่วยชะลอความเสื่อมของไตและช่วยให้การทำงานของไตดีขึ้น
สำหรับผลวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อศึกษาผลของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ตามหลักโภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง กลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี จำนวน 92 คน ประกอบด้วยกลุ่มทดลอง 44 คน กลุ่มควบคุม 48 คน ภายหลังทำการศึกษา 4 สัปดาห์ พบว่า อัตราการทำงานของไตทั้งผู้ป่วยในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมดีขึ้น และกลุ่มทดลองมีความตระหนักรู้ที่จะลดและเลี่ยงผงชูรสปรุงอาหารให้น้อยลงด้วย