วันที่ 5 มิถุนายน 2567 ดร.นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เผยหลังหารือร่วมกับ นายโมฮัมเหม็ด อิดริส ไฮดารา อุปทูต รักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย ว่า 'ไนจีเรียเป็นประเทศที่ยังมีโอกาสอยู่มาก สืบเนื่องมาจากตลาดขนาดใหญ่ โครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม เขตความตกลงการค้าเสรีฉบับต่าง ๆ ที่ไนจีเรียได้เป็นสมาชิก อาทิเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา หรือ AFCFTA ด้วยประเด็นเหล่านี้ จึงทำให้ไนจีเรียมีความเหมาะสมในการเป็นฐานการลงทุนของไทยในแอฟริกา รวมถึงไนจีเรียยังสามารถเป็นประตูสู่แอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรมากถึง 1,470 ล้านคนของไทยได้อีกด้วย ในขณะที่ไทยก็มีพร้อมความพร้อมในการเป็นประตูสู่อาเซียนของไนจีเรียและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคแอฟริกาเช่นกัน

ผู้แทนการค้าไทย กล่าวเพิ่มว่า ;ตนและท่านอุปทูต ยังเห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ใกล้ชิด และยังมีโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เป็นรูปธรรมในหลายมิติ อาทิ ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมที่ไทยสามารถเป็นแหล่งกลั่นน้ำมันดิบจากไนจีเรีย ประเด็นความร่วมมือด้านการศึกษา ความร่วมมือในด้านอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งไนจีเรียได้แสดงความประสงค์ในการเข้ามาเรียนรูจากความเชี่ยวชาญของไทยในสาขานี้ รวมถึงความร่วมมือในด้านการเงิน การธนาคารระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (Exim Bank) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งแอฟริกา (AFREXIMBANK) ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักธุรกิจสองฝ่าย'

ดร. นลินีฯ กล่าวปิดท้ายว่า 'ความสัมพันธ์ไทย-ไนจีเรีย ดำเนินไปด้วยความราบรื่น และเมื่อปี 2565 มีการฉลองครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยไนจีเรียมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา มีประชากรราว 220 ล้านคน และในปี 2566 ไนจีเรียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทยในแอฟริกา มีปริมาณ การค้ารวม 780.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ไนจีเรียยังเป็นสมาชิกของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจแห่งชาติแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ มีประชากรราว 400 ลัานคน โดยมีพันธกิจในการส่งเสริมบูรณาการทางเศรษฐกิจทั่วทั้งภูมิภาค'