ไม่พบผลการค้นหา
อดีตผู้นำและสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วตั้งแต่ ม.ค.ที่ผ่านมาขณะยังดำรงตำแหน่ง โดยไม่แจ้งให้สาธารณะทราบ พร้อมย้ำ 'การพัฒนาวัคซีนคือผลงานของเรา'

​ที่ปรึกษาอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว CNN ระบุว่าทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และเมลาเนีย ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วตั้งแต่เดือน ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าเป็นการฉีดวัคซีนจากบริษัทอะไร และมีการฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งหมดกี่โดสกันแน่ 

การเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของทรัมป์บนเวที การประชุมของกลุ่มสนับสนุนแนวคิดอนุรักษ์นิยม หรือ Conservative Political Action Conference (CPAC) ที่เกิดขึ้นไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ. 2564 ที่เมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริดา โดยทรัมป์กล่าวกับผู้ร่วมประชุมว่า "การฉีดวัคซีนนั้นไม่เจ็บปวดเลย ทุกคนควรไปฉีดวัคซีนกัน" นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพฤติกรรมและแนวคิดของอดีตผู้นำ เพราะที่ผ่านมาทรัมป์แสดงออกถึงการไม่ใส่ใจในความร้ายแรงของไวรัส และหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎด้านสาธารณสุขมาเสมอ ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม


"อย่าให้ใครลืมเด็ดขาดว่านี่คือผลงานของเรา" ทรัมป์กล่าวถึงกระบวนการพัฒนาวัคซีนสหรัฐฯ


AFP - โดนัลด์ เมลาเนีย ทรัมป์

การกล่าวของทรัมป์บนเวที CPAC เน้นไปที่การโจมตีการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดนและมักจะใช้ศัพท์เรียกโรคโควิด-19 ถ้วยถ้อยคำที่ 'เหยียดเชื้อชาติ' อย่างที่เขาทำมาตลอดตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เช่นการเรียกไวรัสโคโรนา 2019 ว่า China Virus โดยทรัมป์กล่าวในวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า "Covid-19, or as I call it, the China virus." หรือ "โควิด-19 หรือที่ผมเรียกว่าไวรัสจีน"

นอกจากนั้นทรัมป์ยังระบุว่ารัฐบาลของเขาควรได้รับการชื่นชมมากกว่านี้สำหรับกระบวนการการทำงานด้านการแจกจ่ายวัคซีนให้กับชาวอเมริกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดรัฐบาลไบเดนกล่าวกับ CNN ว่า ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดน สิ่งที่ทำให้ทีมงานไบเดนต้องถึงกับ 'ช็อค' ก็คือการได้เรียนรู้ข้อมูลสำคัญว่ารัฐบาลของทรัมป์ขาดการเตรียมการและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้านการแจกจ่ายวัคซีนอย่างมาก แม้ว่าขณะนั้นวัคซีนจากหลายบริษัทจะถูกผลิตออกมาและได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ เป็นเวลา 'หลายสัปดาห์' แล้วก็ตาม