ไม่พบผลการค้นหา
'วราวุธ ศิลปอาชา' รมว.พม.ยัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ชู 9 โครงการเรือธง ต่อยอด นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร หวัง ได้งบฯ เพิ่ม ช่วยกลุ่มเปราะบาง พร้อมจับมือ กทม. เปิดพื้นที่ช่วยคนไร้บ้าน

วันที่ 10 ต.ค. 67 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงการมอบนโยบายกระทรวง พม. ก้าวสู่ปีที่ 2 "Next Step พม." ดัน 9 โครงการ ต่อยอด นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร ช่วยกลุ่มเปราะบาง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ว่า นโยบาย Next Step พม. มีความสำคัญ เพราะว่ากระทรวง พม. ไม่ได้มีอยู่เพียงกรมเดียว เรามีกรมที่ดูเรื่องเด็ก สตรีและครอบครัว คนพิการ ผู้สูงอายุ และเรามีการเคหะแห่งชาติ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สถาบันพัฒนาองค์การชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ทั้งหมดนี้จึงไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ ทุกกรมทุกหน่วยงานจะต้องทำงานด้วยความพร้อมเพรียงกัน แต่ถ้าถามว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรกระทรวง พม. เพราะว่าเมื่อฐานข้อมูลครบเครื่องมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตระหนักในปัญหาที่จะเกิดขึ้นมากขึ้น เราจะสามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณการดำเนินงานช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในขณะนี้ที่ได้รับจัดสรร จะทำให้เราสามารถบูรณาการฐานข้อมูลในกระทรวง พม. แต่สิ่งที่ท้าทายคือการเชื่อมฐานข้อมูลกับหน่วยงานนอกกระทรวง พม. ซึ่งแน่นอนว่าทุกกระทรวงจะเป็นห่วงถึงความปลอดภัย ทำให้ตนเองได้เน้นย้ำว่าการทำฐานข้อมูลของกระทรวง พม. ทั้งไฟร์วอลล์ (Firewall) ทั้งระบบการรักษาความปลอดภัย ต้องมีความมั่นคงและมีความน่าเชื่อถือที่หน่วยงานอื่นจะยอมเชื่อมระบบฐานข้อมูลกับกระทรวง พม. 

นายวราวุธ กล่าวว่า อย่างเช่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกิดกรณีฐานข้อมูลรั่วไหล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ต้องเรียนว่าเมื่อเวลาหรือเทคโนโลยีผ่านไป มิจฉาชีพจะมีการหาวิธีใหม่ๆ ซึ่งบางครั้งเราใช้งบประมาณในการป้องกันดีแล้ว แต่กาลเวลาผ่านไปบางครั้งอาจเป็นเพียงแค่ 3 – 6 เดือน มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา อาจจะมีโอกาสที่ทำให้มิจฉาชีพหาช่องว่างที่เกิดขึ้นในระบบ ซึ่งไม่มีระบบไหนที่ปลอดภัย 100% แต่ระบบที่ปลอดภัยคือระบบที่จะมีการอัพเดทและปรับตัวอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ได้ย้ำเตือนว่าเราจะต้องมีฐานข้อมูลที่มีการอัพเดท ปลอดภัย และเป็นที่ไว้ใจให้กับหน่วยงานอื่นมาเชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวง พม.

นายวราวุธ กล่าวว่า การกำหนดกรอบเวลาการดำเนินงาน 9 โครงการ ต่อยอดนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากรนั้น คิดว่าภายในปีนี้ ทุกโครงการจะต้องเริ่มต้น และจะต้องเห็นผลภายในปีงบประมาณ 2568 เพื่อจะได้ตั้งงบประมาณ ปี 2569 ได้สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้และดำเนินการต่อยอด เพื่อทำให้สำนักงบประมาณได้เห็น ซึ่งการตั้งงบประมาณในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางต่างๆ นั้น ดูได้จากที่สำนักงบประมาณให้เรามา ไม่ว่าจะเป็นในแต่ละกรม ซึ่งจริงๆ เราอยากได้รับจัดสรรมากกว่านั้น แต่ว่าเราได้อยู่ที่ประมาณ 28,000 กว่าล้านบาท จึงอาจจะต้องของบกลางเพิ่มเติม โดยขอไปหลายหมื่นล้านบาท แต่ด้วยความจำเป็นจึงได้มาเพียงเท่านี้ แต่ว่าประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นแล้วว่าในสถานการณ์คับขัน อย่างเช่นที่เห็นภัยพิบัติทางภาคเหนือที่เกิดขึ้นการบริหารจัดการของกระทรวง พม. ด้วยข้อจำกัดที่เรามี ถือว่าทางเพื่อนๆ ข้าราชการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับการจ้างงานคนพิการ ทางกระทรวง พม. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันอาชีวศึกษา ซึ่งสถานศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศที่มีศักยภาพในการที่จะอัพสลิล รีสกิลให้พี่น้องคนพิการ เพราะว่าถ้าเพียงแค่ 6 แห่งที่ทำไปแล้วนั้น เราสามารถจ้างงานคนพิการได้กว่า 200 ชีวิต ถ้านึกถึงมี 6,000 แห่ง ก็จะเป็นนับแสนชีวิตที่คนพิการจะมีโอกาสได้ทำงาน ซึ่งกระทรวง พม. จะเร่งดำเนินการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ 

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าคนไร้บ้านไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีบ้าน คนไร้บ้านบางครั้งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในบ้าน ปัญหาทางสุขภาพจิต จนทำให้คนในบ้านไม่สามารถดูแลได้ จึงถูกขับออกมาข้างนอก ดังนั้นการแก้ไขปัญหาให้กับคนไร้บ้านที่สำคัญคือ ต้องพูดคุยกับครอบครัวของเขาเสียก่อน เพราะทุกคนมีครอบครัว และเมื่อพูดคุยกับครอบครัว เราจะหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อที่จะดึงหรือเพื่อให้ครอบครัวนั้นรับคนไร้บ้านกลับเข้าไป ในกรณีที่หากครอบครัวรับกลับไม่ได้ ทาง กทม. ร่วมกับกระทรวง พม. เราได้เตรียมพื้นที่รองรับคนไร้บ้านบริเวณการประปาแม้นศรี (เดิม) ซึ่งรองรับได้ประมาณ 200 ชีวิต ทั้งนี้ ด้วยข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย เราไม่สามารถบังคับได้ ไม่ว่าจะเป็นขอทาน คนไร้บ้าน ให้เข้ามาสู่ระบบ สิ่งที่เราคิดว่าง่ายที่สุดในประเด็นเรื่องขอทาน คือเราต้องรณรงค์หยุดให้ทาน เพราะว่าถ้าเราให้ทานเท่ากับคือการส่งเสริม ฉะนั้นวันนี้ทำไมขอทานยังไม่หมดไป ก็อาจจะพูดได้ว่า ยังมีคนให้ทานอยู่ ถ้าไม่มีคนให้ทานขอทาน ย่อมจะไม่มีใครมาขอทาน เราไม่สามารถที่จะจับขอทานเข้าไปอยู่ในระบบได้ โดยที่เจ้าตัวไม่สมัครใจ เพราะไม่เช่นนั้นจะขัดกับหลักกฎหมายที่มี แต่ถ้าหากว่าไม่มีใครให้ทาน ย่อมจะไม่มีขอทาน ในขณะที่คนไร้บ้านจำเป็นที่จะต้องไปพูดคุยกับทางครอบครัว เรามีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องโครงการบ้านเช่าคนละครึ่ง โครงการบ้านเช่าราคาถูก ของการเคหะแห่งชาติ ที่พร้อมจะให้คนไร้บ้านสามารถหางานทำและมีศักยภาพในการที่จะมีที่อยู่เป็นของตนเอง สำหรับโครงการบ้านเช่าคนละครึ่ง น่าเสียดายว่า เรามีพื้นที่อยู่ แต่กลับมีคนเข้ามาร่วมโครงการหลักสิบคน สะท้อนให้เห็นว่าหลายคนยังมีทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง ที่ว่า อยู่เฉยๆ แล้วได้เงิน มีคนดูแล นอกจากนี้ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. ที่ดูเรื่องที่พักอาศัยราคาถูก ตอบรับกับกรณีปัญหาคนไร้ที่พึ่ง หรือคนไร้บ้านด้วย