เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ดร. นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย ได้พบหารือกับ H.E. Mr. Elchin Ragub oglu Bashirov เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ระหว่างสองประเทศ

ดร. นลินี ได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสที่นายเอลชิน รากุบ โอกลู บาชีรอฟ เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทยคนแรก ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความตั้งใจของไทยที่จะขยายความร่วมมือกับอาเซอร์ไบจาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์เชื่อมโยงยุโรปและเอเชีย

การหารือในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการสร้างความรู้จักและความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น ผ่านการจัดกิจกรรมสัมมนาหรือกิจกรรมส่งเสริมการค้า โดยประธานผู้แทนการค้าไทย ได้เสนอให้ช่วงเวลาการจัดกิจกรรมนำคณะนักธุรกิจอาเซอร์ไบจานเยือนไทย สอดคล้องกับช่วงการจัดงาน THAIFEX–ANUGA ASIA 2025 งาน TILOG–LogistiX 2025 และงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 72 เพื่อต่อยอดโอกาสในการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และสร้างเครือข่ายเชิงลึกระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศต่อไป

ดร. นลินี เสริมว่า ตนยังได้เสนอให้ภาคเอกชนอาเซอร์ไบจานศึกษาข้อมูลการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทย และเริ่มจากการพัฒนาโครงการขนาดเล็กที่สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว (low-lying fruits) โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีความพร้อม เช่น อาหาร โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมยา

ในขณะเดียวกัน อาเซอร์ไบจานได้เน้นถึงบทบาทยุทธศาสตร์ของตนในภูมิภาคเอเชียกลางและยุโรปตะวันออกในฐานะศูนย์กลางการขนส่งสินค้าไปยังรัสเซียและยุโรปเหนือ ซึ่งสามารถเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายการค้าไปยังภูมิภาคดังกล่าว

ประธานผู้แทนการค้าไทย ทิ้งท้ายว่า ประเด็น การส่งเสริมการเชื่อมโยงประชาชนต่อประชาชน (People-to-People Connectivity) ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญ โดยในปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวอาเซอร์ไบจานเดินทางมาไทย โดยใช้เที่ยวบินเช่าเหมาลำ อย่างไรก็ตาม มีแผนแผนการเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-บากูในปี 2569 รวมถึงประเด็นความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ เช่น พลังงานสะอาด LNG และ AI

ทั้งนี้ การค้ารวมในปี 2567 มีมูลค่า 295.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 500% จากปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องจักรกล ส่วนการนำเข้าจากอาเซอร์ไบจานส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดิบ