นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์การส่งออกในไตรมาสที่ 1/2563 จะปรับตัวดีขึ้นจากที่ประมาณการณ์ไว้ แต่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการล็อดดาวน์ในหลายประเทศที่ยังมีอยู่ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปี 2563 เนื่องจากตลาดหลักทั้ง สหรัฐอเมริกา จีน และยุโปร ยังพบว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดลบค่อนข้างมาก ซึ่งจากการคาดการณ์ในเบื้องต้นการส่งออกจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเร็วที่สุดคือในช่วงไตรมาสที่ 4 ดังนี้ สรท.จึงยังคงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2563 ติดลบที่ร้อยละ 8

ทั้งนี้ สรท. ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาท ที่เริ่มส่งสัญญาณกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยมากยิ่งขึ้น ดังนั้นขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป โดยรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ระหว่าง 32.50-34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับการส่งออกเดือนมีนาคม 2563 มีมูลค่า 22,405 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 4.17 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวม 3 เดือนช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2563 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 62,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.91 แต่ในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรสำคัญยังพบว่ามีการหดตัวอย่างมาก ทั้ง ยางพารา ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ยานพาหนะ และอุปกรณ์และส่วนประกอบ

ด้านนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) กล่าวว่า  ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวต่ำสุดในรอบ 100 ปี และเศรษฐกิจไทยที่จะมีแนวโน้มหดตัวที่สุดตั้งแต่ปี 2540 จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปี 2563 โดยตรง ซึ่งคาดการณ์ว่าทั้งปีการส่งอกจะมีมูลค่าประมาณ 225,545 ถึง 233,532 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัวติดลบสูงถึงร้อยละ 8 เช่นกัน