พลอากาศตรี นายแพทย์ เฉลิมชัย เครืองาม น้องชายของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาแสดงตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) วันสุดท้าย พร้อมยืนยัน ไม่หนักใจการเข้ามาเป็น ส.ว.เพราะมีประสบการณ์เคยเป็นทั้ง ส.ว.และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาก่อน จึงรู้อำนาจและหน้าที่เป็นอย่างดี
ขออย่ามองสภาพี่น้องแค่นามสกุล แต่ขอให้ดูที่การทำงาน สามารถสอบถามจากวุฒิสภาปี 2554-2557 ได้ว่า ชื่อนี้ นามสกุลนี้ มีบทบาทการทำงานในสภาเป็นอย่างไร และเมื่อเป็น สปท.ก็สอบถามได้ว่า มีบทบาทการทำงานในหน้าที่อย่างไร เชื่อว่า ตนเป็นหนึ่งใน 5 คนที่กล้าพูดและชมตัวเองได้ว่า ขยันทำงานอย่างเต็มที่ อภิปรายเสนอแนะกฎหมายต่อสภาอย่างทุกเรื่อง จึงกล้าพูดได้ว่า ตนมีความตั้งใจในการทำงาน ย้ำ ไม่กังวลหรือกดดันในการทำงานแต่อย่างใด
ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์สภาพี่น้อง มองว่า ประชาชนเข้าใจ ว่าเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านในหลายเรื่อง ทั้งการปฏิรูปประเทศ การทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติและการบริหารประเทศ และรัฐธรรมนูญเปลี่ยนผ่าน ก็ได้มีบทเฉพาะกาล ตนทำงานในช่วงนี้แค่ 5 ปี ถือว่าไม่นาน ขอให้ดูที่การทำงานมากกว่า สิ่งที่จะกดดันคือความตั้งใจมุ่งมั่นทำงานมากกว่า ส่วนหน้าที่ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ก็มีแค่ในบทเฉพาะกาลที่ได้ผ่านประชามติมาแล้ว
ส่วนที่มีการมองเรื่องการแต่งตั้งคนใกล้ชิดเข้ามาทำงานนั้น พลอากาศตรีนายแพทย์เฉลิมชัย กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้เรื่องความใกล้ชิด สังคมไทยก็รู้จักกัน ไม่เป็นเพื่อน ก็เป็นคนที่ร่วมงานกันมา เท่าที่ทราบก็เป็นการสุ่มจาก สนช. สปท. สปช. และ ส.ว.ในอดีตที่คละกันไป เป็นกลุ่มคนที่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ก็น้อมรับและเข้าใจในเสียงต่าง แต่ก็ขอให้ดูที่การทำงาน
พลอากาศตรีนายแพทย์เฉลิมชัย กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่าจะพิจารณาจากคนที่เลือกให้เข้ามาเป็น ส.ว. หรือไม่ว่า ตนและ ส.ว.จะเลือกอย่างไรนั้น ขอให้เชื่อใจในดุลยพินิจและวิจารณญาณ ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. มีญาณวิถีหยั่งรู้ ว่าจะต้องทำงานอย่างไร เลือกใครอย่างไร เพราะในการลงคะแนนเลือกนายกฯ สภาจะไม่อนุญาตให้มีการอภิปรายหรือแสดงวิสัยทัศน์ ดังนั้น ผู้เลือกจะต้องมีข้อมูลของตัวเองมาอยู่แล้ว จึงจะไม่มีคืนหมาหอน ยืนยันว่า ไม่คำนึงว่าใครตั้งเรามา หรือใครเลือกเรามา แต่ให้ดูจากผลงานในอดีต และรายชื่อแคนดิเดตนายกฯที่มีอยู่ทั้งหมด และเมื่อนำรายชื่อมาไล่เรียงดูแล้ว ญาณวิถีหยั่งรู้ก็จะทำให้เรารู้ว่าต่องเลือกใคร ไม่ได้อยู่ในอานัติ หรือมีใครมาสั่ง และเชื่อว่า สั่งไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจว่าจะเลือกใคร ซึ่งจะเลือกคนที่จะบริหารประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่น
พลอากาศตรีนายแพทย์เฉลิมชัย เชื่อว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคนก็พูดถึงความสงบเรียบร้อยของประเทศอยู่แล้ว เวลาเราจะตัดสินใจอะไร ต้องคำนึงถึงการรักษาอาการของประเทศ เหมือนที่หมอรักษาอาการของคนไข้ ตนเป็นแพทย์ เวลาพิจารณาจะรักษาโรคใดด้วยวิธีใด จะรักษาด้วยยาหรือผ่าตัด เปรียบเทียบได้กับประเทศไทยผ่านการผ่าตัดมาแล้ว 5 ปี ตอนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างพักฟื้น ต้องดูแลความมั่นคงอย่างใกล้ชิดด้วยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ชำนาญ สามารถประสานความร่วมมือของฝ่ายต่างๆ ส่วนแพทย์คนดังกล่าวจะเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่นั้น พลอากาศตรีนายแพทย์เฉลิมชัย ไม่ตอบคำถาม แต่ยอมรับว่า แพทย์คนที่ผ่าตัดคนไข้ ก็ยังต้องมาดูแลคนไข้ที่ห้องพักฟื้นต่อไป ไม่ใช่ผ่าตัดเสร็จแล้วล้างมือกลับบ้าน เพราะญาติจะถามหาว่า แพทย์หายไปไหน ไม่มาดูคนไข้ บางทีออกจากห้องพักฟื้นแล้วกลับไปห้องไอซียูก็มี ทั้งนี้ หากคนไข้ร้องอยากกลับบ้าน แล้วยังต้องอยู่ตามกำหนดการของแพทย์หรือไม่นั้น พลอากาศตรีนายแพทย์เฉลิมชัย ยืนยันว่า แน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :