สำนักข่าว The New York Times รายงานว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดที่จะลงนามอนุมัติการขึ้นกำแพงภาษีสินค้าครั้งใหม่ ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียมเป็น 10% ช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยกำหนดการดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลจากนายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาสูงสุดด้านการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายเรื่องของการขอลาออกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในทำเนียบขาว อย่างนายแกร์รี ดี โคน ที่ปรึกษาระดับสูงด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีที่เพิ่งจะขอลาออกไป โดยเขาแสดงตัวว่าไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีดังกล่าวอย่างมาก
ท่ามกลางการเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศใดบ้าง แหล่งข่าวใกล้ชิดทำเนียบขาวที่ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว The New York Times ชี้ว่านายนโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดของกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นมาตรการที่โหดร้ายมากจนเกินไป
ล่าสุดซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการขึ้นกำแพงภาษีอาจส่งผลแตกต่างกันต่อแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับว่านโยบายด้านความมั่นคงของประเทศนั้นๆเป็นอย่างไร และที่สำคัญนายทรัมป์อาจมีการพิจารณาให้มีข้อยกเว้นการขึ้นภาษีสำหรับบางประเทศที่เป็นชาติพันธมิตรกับสหรัฐฯ หรืออาจจะเป็นประเทศที่ผ่านกฎเกณฑ์สำคัญในการทำการค้ากับสหรัฐฯก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามกฎหมายการขึ้นกำแพงภาษีนี้จะยังไม่มีผลในทันที นายทรัมป์ระบุว่าภายหลังจากการลงนามอนุมัติแล้วจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 15 - 30 วันก่อนที่การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจะมีผลใช้ได้จริง