โฆษกของนายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปินส์ เปิดเผยว่ารัฐบาลจะมีคำสั่งปิดเกาะโบราไก เกาะท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศ ในวันที่ 26 เมษายนนี้ และจะปิดเกาะยาว 6 เดือน เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมรอบเกาะ โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายดูแตร์เตเคยวิพากษ์วิจาร์ว่าโบราไกกำลังกลายเป็น "แหล่งเสื่อมโทรม" จากการที่ธุรกิจร้านค้าต่างๆปล่อยของเสียลงทะเล พร้อมข่มขู่ว่าหากบรรดาธุรกิจในพื้นที่ยังไม่ปรับปรุงเรื่องนี้ ก็จะปิดเกาะไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าอีกต่อไป
เกาะโบราไกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของฟิลิปปินส์ ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากกว่า 2 ล้านคน โดยจุดเด่นของหาดอยู่ที่หาดทรายสีขาวละเอียดเหมือนแป้ง และน้ำทะเลสีน้ำเงินสดใส แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดปัญหามลภาวะรอบเกาะอย่างหนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไปมากขึ้น แต่ระบบการจัดการขยะและน้ำเสียยังไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีการปล่อยน้ำทิ้งลงทะเล และขยะเกลื่อนกลาดชายหาด จนหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมกังวลว่าระบบนิเวศรอบเกาะจะเสียหายจนไม่อาจฟื้นฟูได้
ขยะจำนวนมากถูกนำมาทิ้งบนเนินเขา กลายเป็นกองขยะขนาดยักษ์บนเกาะโบราไก โดยคนท้องถิ่นจำนวนหนึ่งมีอาชีพเก็บขยะ คัดแยกส่วนที่รีไซเคิลได้ไปขายต่อ
อย่างไรก็ตาม มาตรการปิดเกาะโบราไกก็ถูกมองว่าเป็นวิธีการที่สุดโต่งเกินไป เนื่องจากบนเกาะมีธุรกิจกว่า 500 ราย และจ้างงานคนหลายพันคน หากมีการปิดเกาะจริง ยาวนานถึง 6 เดือน จะส่งผลเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น และยังกระทบต่อรายได้ด้านการท่องเที่ยวของประเทศโดยรวมอีกด้วย โดยปีที่ผ่านมา ธุรกิจบนเกาะสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 31,000 ล้านบาท
รัฐบาลยืนยันว่าธุรกิจบนเกาะจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในช่วงปิดเกาะ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ามาตรการปิดเกาะจะถูกนำมาใช้จริงในรูปแบบใด โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของฟิลิปปินส์เคยเสนอให้มีการปิดเกาะทีละส่วน เพื่อไม่ให้กระทบกับธุรกิจท้องถิ่นมากเกินไป