ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ หัวหน้าคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีนายศิริ จิระพงษ์พันธุ์ รมว.พลังงาน มีนโยบายให้ระงับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไว้ชั่วคราว ซึ่งจะดำเนินต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 5 ปี ว่า นโยบายดังกล่าวก่อความเสียหายทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการกว่า 400 ราย คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท และทำให้หุ้นหลายตัวราคาดิ่งลงไปต่ำกว่าครึ่ง อาจส่งผลให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้หมดโอกาสเติบโตในอนาคต หาก GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และเศรษฐกิจของประเทศติดลบจากผลพวงของนโยบายนี้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ การตัดสินใจเช่นนี้นับว่าสวนกระแสโลกที่มุ่งพัฒนาพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ขณะเดียวกันไทยเองก็ลงนามร่วมผลักดันการลดภาวะโลกร้อน ในการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กรอบสนธิสัญญาสหประชาชาติครั้งที่ 21 ที่มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานฟอสซิล แต่หากรัฐบาลทำเช่นนี้จะถือว่าเป็นการทำงานที่ขัดกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านสิ่งแวดล้อมที่ตน รัฐบาลคสช.เป็นผู้กำหนดนโยบายเองหรือไม่
ร.ต.อ. วัฒนรักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าไม่เห็นด้วย เพราะทุกวันนี้ภาวะเศรษฐกิจในครัวเรือนของคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่กระเตื้องขึ้น รัฐควรช่วยลดภาระและส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับประชาชนคนไทยทุกคน การที่รัฐซื้อถ่านหินจากต่างประเทศและสร้างโรงงานถ่านหินในประเทศ ถือว่าได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของคนทั้งโลกมากกว่าพลังงานทดแทนประเภทอื่นหลายเท่าตัวอยู่แล้ว
ขณะที่ถ่านหินเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคระบบประสาท ทางเดินหายใจ หอบหืด โรคหัวใจ และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็ง รัฐควรสนับสนุนพลังงานสะอาดตามที่เคยรับปากกับนานาประเทศไว้ และพัฒนาไทยให้เป็นประเทศปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า
อ่านเพิ่มเติม