ประเด็นความเท่าเทียมทางเพศที่มีผลต่อรายได้ของการจ้างงานระหว่างผู้ชายและผู้หญิงคือเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือในแวดวงโทรทัศน์ หรือวงการเทคโนโลยีที่มักจะมีข่าวออกมาบ่อยๆว่าผู้หญิงได้รับค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ CEO และผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้นก็ออกมากล่าวเองด้วยซ้ำว่าองค์กรของตนจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานหญิงน้อยกว่าพนักงานชายจริง ทำให้หลายคนที่ไม่พอใจก็ต้องออกมาฟ้องร้องหรือไม่ก็จำเป็นจะต้องลาออกไปอยู่กับบริษัทอื่นที่ปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเป็นธรรมมากกว่า 

อย่างไรก็ตามวงการแฟชั่น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีเม็ดเงินสะพัดอย่างมหาศาลและบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างนายแบบและนางแบบแนวหน้าของโลกนั้นก็มีศักยภาพที่จะทำเงินได้สูงระดับหลายร้อยล้านบาทต่อคนต่อปีกันเลยทีเดียว แต่น้อยครั้งที่จะมีการพูดถึง 'ช่องว่างค่าตัว' ของนายแบบนางแบบที่ยืนอยู่ในระดับเดียวกัน แต่คำว่าเพศได้แบ่งระดับรายได้ของพวกเขาออกอย่างชัดเจน และที่สำคัญเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะผลสำรวจระบุไว้อย่างชัดเจนว่านางแบบสามารถทำเงินได้สูงกว่านายแบบมากถึง 75% เลยทีเดียว

ในวงการแฟชั่นของอังกฤษจะพบว่า จำนวนนายแบบนางแบบที่มีรายได้สูงที่สุด 10 อันดับแรกคือผู้หญิงมากถึง 9 คนและมีผู้ชายเพียง 1 คนเท่านั้นที่ติดอยู่ในอันดับนี้ โดยปีที่ผ่านมา เคท มอส สุดยอดนางแบบระดับโลกที่เป็นนางแบบแนวหน้าของวงการมาอย่างยาวนาน ต้องพ่ายแชมป์นางแบบที่มีค่าตัวสูงที่สุดให้กับนางแบบดาวรุ่งรุ่นน้องวัย 24 ปีอย่าง คารา เดอลาวีน ไปอย่างน่าเสียดาย (ซึ่งอายุน้อยกว่าเคท 19 ปี) โดยผลสำรวจจาก Bluebella แบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังระบุว่าคารามีรายได้จากการเดินแบบและถ่ายโฆษณาประมาณ 8 ล้านปอนด์ หรือราว 349 ล้านบาทต่อปี และรายได้จากการโพสต์รูปในอินสตาแกรมส่วนตัวประมาณวันละ 96,000 บาท ด้วยจำนวนผู้ติดตาม 41 ล้านคน ในขณะที่อินสตาแกรมเอเจนซีของเคทมีผู้ติดตามเพียง 7 แสนกว่าคนเท่านั้น

นางแบบที่มีรายได้สูงที่สุดอันดับ 2 รองลงมาจากคาราคือ โรซี ฮันทิงทัน ไวท์ลี ด้วยค่าตัว 284 ล้านบาท ส่วนเคท มอส ครองอันดับ 3 ของวงการด้วยค่าตัว 218 ล้านบาทต่อปี โดยในจำนวน 10 อันดับแรกของ 'โมเดล' ที่มีรายได้สูงสุดในอังกฤษนี้ มีเพียงแค่ เดวิด แกนดี เท่านั้นที่เป็นนายแบบ โดยเขามีรายได้สูงสุดอยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยค่าตัว 174 ล้านบาท