ไม่พบผลการค้นหา
การออกกำลังกายอาจช่วยให้มีร่างกายที่แข็งแรงขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ หากยังนั่งทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง หรือ นอนดูทีวีนานๆ เป็นประจำ ควรต้องทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานไม่มากแต่ทำไปเรื่อยๆ ทั้งวัน

ในวันปีใหม่ที่ผ่านมา หลายคนอาจตั้งปณิธานไว้ว่าจะออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อลดน้ำหนัก หรือเพื่อให้มีรูปร่างและกล้ามเนื้อที่สวยงาม แต่เมื่อผ่านไปได้ไม่นาน ความตั้งใจของหลายคนก็เริ่มเลือนหายไป จนไม่ได้ออกกำลังกายอีก แม้เราจะรู้ดีว่า การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ

สำนักข่าว The Guardian ตีพิมพ์บทความอธิบายเหตุผลว่าทำไมการออกกำลังอย่างเดียวไม่ช่วยเรามากนัก โดยระบุว่าปัญหาที่ทำให้หลายคนล้มเลิกความตั้งใจที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออาจอยู่ที่แนวคิดเรื่องการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อเพื่อผลลัพธ์บางอย่าง และการออกกำลังกายของคนส่วนใหญ่ก็เป็นกิจกรรมทางเลือกที่ทำนอกเหนือจากการทำงานในแต่ละวัน ขณะเดียวกันก็ยังต้องแบกรับภาระในการเลี้ยงลูก หาเงินมาซื้อข้าวของจำเป็นสำหรับครอบครัว ทำให้คนหลายล้านคนทั่วโลกเลือกที่จะทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจด้วยการนั่งพักผ่อนดูโทรทัศน์หรือนั่งเล่นแทนที่จะไปทำสิ่งที่ดีสุขภาพอย่างการออกกำลังกาย


การออกกำลังกายกำเนิดมาพร้อมความเหลื่อมล้ำ

คนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ใช้กล้ามเนื้ออยู่ตลอดตั้งแต่การออกไปหาเสบียงอาหาร หาน้ำดื่ม ล่าสัตว์ ประดิษฐ์เครื่องมือล่าสัตว์ สร้างที่อยู่อาศัย ไปจนถึงการไล่สัตว์นักล่า จึงไม่แปลกที่บันทึกฟอสซิลจะแสดงผลว่า มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์มีร่างกายที่แข็งแรงกว่านักกีฬาโอลิมปิกยุคปัจจุบันเสียอีก แม้พวกเขาจะไม่เคยทำกิจกรรมที่เรียกว่า "ออกกำลังกาย"

การออกกำลังกายที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับการใช้ชีวิตนิ่งๆ มากขึ้น เมื่อมนุษย์ตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งเมื่อหลายพันปีก่อน สังคมเมืองถือกำเนิดขึ้น มีลำดับชั้นความสำคัญกันในสังคม และมีช่องว่างระหว่างเจ้านายและผู้รับใช้ ชนชั้นสูงเริ่มมีคนมาใช้แรงงานแทนตัวเอง ทำให้ชนชั้นสูงมีเวลาว่างมากขึ้น มีเวลามาคิดค้นกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น และแนวคิดเรื่องการออกกำลังกายก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน

คนรวยในยุคกรีกโบราณมีทาสคอยทำงานให้ ทำให้พวกเขามีเวลาว่าง และคิดค้นสถานที่ที่เรียกว่า "ยิมเนเซียม" พื้นที่เปิดในใจกลางเมืองที่พวกเขาจะเปลือยกายกระโดดโลดเต้นออกกำลังกาย แข่งขันกันทำภารกิจท้าทายเพื่ออวดความแข็งแรงของร่างกาย เตรียมพร้อมสำหรับการรบ

แม้จะมีการเลิกทาสไปแล้ว แต่มนุษย์ก็ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อมาทุ่นแรงตัวเองมากมาย อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาทำงานที่ต้องใช้แรงงานมากแทนมนุษย์ปัจจุบัน มนุษย์มีไลฟ์สไตล์ที่ใช้แรงน้อยลงมาก และหันมานั่งนานๆ แทน ทำให้คนยุคนี้ต้องหากิจกรรมในการขยับร่างกายมากขึ้น

การสำรวจสำมะโนประชากรของอังกฤษในปี 1841 ระบุว่ามีคนที่ทำงานธุรการหรืองานที่ต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศเพียงร้อยละ 0.1 ของทั้งหมด แต่เมื่อเทคโนโลยีเริ่มพัฒนาขึ้น ในปี 1891 คนที่นั่งทำงานลักษณะนี้มีเพิ่มขึ้นจาก 50 ปีก่อนถึง 20 เท่า และการสำรวจล่าสุดยังประเมินว่า น่าจะมีคนที่นั่งทำงานนิ่งๆ อยู่ประมาณร้อยละ 86 ของแรงงานทั้งหมดในปัจจุบัน และไลฟ์สไตล์ในการนั่งนิ่งๆ ไม่ว่าจะเวลาทำงานหรือพักผ่อนก็ทำให้กระดูกของเราบางลง กล้ามเนื้ออ่อนแอลง และยังนำไปสู่โรคหัวใจ มะเร็ง ซึมเศร้า สมองเสื่อม และความดันสูง ดังนั้น การออกกำลังกายจึงช่วยชะลอการเป็นโรคเหล่านี้ได้


ออกกำลังกายเป็นหมื่นชั่วโมง ต่ออายุได้ 2.8 ปี

รัฐบาลอังกฤษแนะนำให้ประชาชนออกกำลังกายประเภทแอโรบิกเช่น ปั่นจักรยานหรือเดินเร็วอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อย่างน้อย 2 วันต่อสัปดาห์ ขณะที่สาธารณสุขอังกฤษก็ออกแคมเปญให้คนออกกำลังกายอย่างน้อย 10 นาทีต่อวัน หรือออกกำลังกายอย่างหนักมากเป็นเวลา 20 วินาทีทุกวัน

แม้เราจะเข้ายิมเพื่อออกกำลังกายอย่างหนักในวันเสาร์-อาทิตย์ การนั่งทำงานหรือนั่งพักผ่อนนิ่งๆ ก็จะยังทำร้ายร่างกายเราอยู่ดี และการทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากเกินไปแบบที่ชนชั้นสูงตั้งแต่กรีกโบราณจนปัจุบันทำกันก็อาจทำลายเมตาบอลิซึมและเซลล์ จนอาจเป็นการเร่งกระบวนการให้แก่เร็วขึ้นด้วยซ้ำ

The Guardian ระบุว่า ร่างกายจะทำงานอย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเราไปเผาผลาญแคลอรีตลอดทั้งวัน ไม่ใช่แค่เผาผลาญพลังงานในช่วงเวลาสั้นๆ ของวันเท่านั้น และแม้การออกกำลังกายจะดีกว่าไม่ออกกำลังกายเลย แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่จะออกกำลังกายประเภทไหน แต่อยู่ที่เรายังมองว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องของความสมัครใจและสิ่งที่ต้องทำนอกเหนือจากเวลาการทำงานนิ่งๆ และเมื่อเรามองการออกกำลังกายแยกจากความจำเป็นของร่างกาย เราจะหาเหตุผลมาอ้างเพื่อจะไม่ออกกำลังกายได้เสมอ

ผลการศึกษาในปี 2012 ระบุว่า นักกีฬาโอลิมปิกจะมีอายุยืนยาวขึ้นเฉลี่ย 2.8 ปี การออกกำลังกายหรือฝึกฝนร่างกายหลายหมื่นชั่วโมงสามารถซื้อเวลาชีวิตเพิ่มได้เพียง 2.8 ปีเท่านั้น ขณะที่คนที่มีอายุยืนยาวและแข็งแรงที่สุดในโลกกลับไม่เคยเข้ายิมเลยสักครั้ง โดยนักวิจัยเรียกกลุ่มคนที่มีอายุยืนยาวและมีร่างกายแข็งแรงที่สุดในโลกว่ากลุ่มคนใน "โซนสีฟ้า" เช่น โอกินะวะในญี่ปุุ่น คอสตาริกา และกรีซ เพราะคนกลุ่มนี้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือมีลักษณะภูมิประเทศที่ส่งผลให้มีไลฟ์สไตล์ที่เอื้อให้ร่างกายแข็งแรงกว่าคนอื่น

นักวิจัยพบหลายปัจจัยที่ทำให้คนในกลุ่มโซนสีฟ้ามีอายุยืนยาว เช่น กินผักเป็นหลัก ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงยังรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม แต่คนกลุ่มนี้ไม่ได้ออกกำลังกายที่ต้องใช้พลังงานเยอะๆ เลย แต่เป็นกิจกรรมที่ทำไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน โดยคนที่มีอายุเกิน 100 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่กล่าวว่า พวกเขามักจะเดินวันละหลายกิโลเมตรในช่วงวัยทำงานของพวกเขา และไม่เคยใช้เวลานั่งโต๊ะนานๆ

ทุ่มงบมหาศาลรณรงค์ให้คนออกกำลังกาย แต่ล้มเหลว

ทุกปี รัฐบาลหลายประเทศทุ่มงบหลายล้านดอลลาร์ไปกับด้านสาธารณสุข รณรงค์ให้คนออกกำลังกาย แต่อายุขัยเฉลี่ยกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงปี 1960 มากนัก ในขณะที่การวิจัยช่วงหลังมานี้พบว่า การทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานไม่มากแต่ยาวนานเป็นวิธีที่ดีกว่า เช่นการเดินให้ได้ 10,000 - 15,000 ก้าวต่อวัน เพื่อให้เทียบเท่ากับที่บรรพบุรุษยุคก่อนประวัติศาสตร์เดิน

หลังจากที่พยายามกันมากว่า 2 ศตวรรษ เราควรยอมรับว่าการออกกำลังกายนอกเหนือจากวันทำงานไม่ใช่ยุทธศาสตร์วที่ดีในการสร้างสุขภาพที่แข็งแรง การรณรงค์ให้ออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นยุทธศาสตร์ที่ล้มเหลว เพราะเรากำลังพยายามโน้มน้าวให้คนเสียสละเวลาพักผ่อนมาออกกำลังกายที่ต้องใช้พลังแรงกายแรงใจเพิ่มขึ้นไปอีก

The Guardian ระบุว่า เราควรส่งเสริมให้คนตัดสินใจเลือกทำกิจกรรมประจำวันที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมากกว่าส่งเสริมให้คนต้องออกกำลังกายหลังทำงานหนัก เช่น เลือกการเดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟต์ เดินแทนการนั่งรถไปซื้อกับข้าว ซึ่งจะทำให้การออกกำลังกายมีความจำเป็นน้อยลง ขณะเดียวกัน รัฐและเอกชนก็ต้องออกแบบผังเมืองที่เน้นให้คนทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น รวมถึงจัดสรรพื้นที่ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องอาบน้ำ

ขณะที่มีบริษัทที่พยายามขยายเครื่องออกกำลังกายสำหรับคนทำงานติดโต๊ะ เช่น ลู่วิ่งติดโต๊ะทำงาน แต่ของเหล่านี้มักใช้ไม่ได้จริง ดังนั้น วิธีแก้การทำงานที่ต้องนั่งอยู่กับโต๊ะนานๆ ก็คือการมีออฟฟิศเอื้อให้เราไม่ต้องนั่งทำงานที่โต๊ะอยู่ตลอดเวลา สามารถลุกขึ้นไปทำงานจุดอื่นๆ หรือลุกขึ้นไปทำกิจกรรมอื่นๆ ได้


ที่มา : The Guardian