ไม่พบผลการค้นหา
รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เชื่อว่าหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าที่มีอยู่ สามารถนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการกันอย่างเต็มที่ มีการร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ข้อมูลกับการสอบสวนคดี ส่งพยานวัตถุให้กับทางนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่าตรวจสอบดีเอ็นเอ ซึ่งระยะเวลาในการตรวจสอบส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 2-4 สัปดาห์

ส่วนเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจอย่าง เสือดำ จากการตรวจสอบวัตถุพยานที่เก็บได้จากจุดเกิดเหตุ พบว่า เป็นดีเอ็นเอของเสือดำจริง และเป็นดีเอ็นเอตัวเดียวกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าพยานหลักฐานสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ พร้อมยืนยันว่า กรมอุทยานฯ อยากได้ผู้กระทำผิดมากที่สุด เนื่องจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ เป็นพื้นที่สำคัญของประเทศ ทุกหน่วยงานมีความตั้งใจทำงาน

สำหรับข้อกังวลที่สังคมพูดถึงเรื่องการเอาผิดกับ นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ ในข้อหาละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น หลังจากตั้งคณะกรรมการสอบแล้วไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี มีเพียงผู้กระทำผิดเท่านั้นที่เข้าไปในพื้นที่แล้วปฏิบัติมิชอบ

และเรื่อง งาช้าง นั้น ตาม พ.ร.บ. งาช้าง ผู้ครอบครองงาช้างต้องมาแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันถึงการได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นว่างาช้างที่มาจดแจ้งเป็นงาช้างจริงหรือไม่ ซึ่งในเวลาดังกล่าวที่กรมฯ เปิดให้มีการยื่นเรื่องนั้นมีผู้นำงาช้างมาจดแจ้งกว่า 1.3 ล้านราย และงาช้างเป็นของมีค่า ผู้ครอบครองต้องรู้ถึงแหล่งที่มาว่าเป็นงาช้างไทย หรืองาช้างแอฟริกา เลยเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เดินทางไปแจ้งความมีซากของสัตว์ป่าคุ้มครองในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ครอบครองต้องยื่นเอกสารยืนยันต่อไป

ด้านแถลงการณ์จากมูลนิธิสืบนาคะเสถียรที่ต้องการให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบว่า ในสำนวนที่จะส่งฟ้องศาลมีข้อหาร่วมกันล่า หรือฆ่าเสือดำอยู่ในสำนวนหรือไม่นั้น นายปิ่นสักก์ ยืนยัน ว่าจากข้อมูลทั้งหมดที่กรมฯ มีแสดงให้เห็นว่าทั้ง 4 คนนี้ร่วมกันล่า แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ลั่นไกนั้น รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องการของการพิจารณาในชั้นศาล ทางกรมฯ ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เชื่อว่าข้อมูลที่มีอยู่ในตอนนี้จะสามารถเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้