ไม่พบผลการค้นหา
กรมควบคุมมลพิษ เผยสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ เกินเกณฑ์มาตรฐาน 6 สถานี ได้แก่ ริม ถ.พระราม 4 ,ถ.อินทรพิทักษ์ , ถ.ลาดพร้าว ,ถ.พญาไท , เขตบางนา และเขตวังทองหลาง

กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 ณ เวลา 8.00 น. ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 52-72 มคก./ลบ.ม. เกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) 6 สถานี ที่บริเวณริมถนนพระราม 4 ริมถนนอินทรพิทักษ์ ริมถนนลาดพร้าว ริมถนนพญาไท ,เขตบางนา และเขตวังทองหลาง ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นที่ริมถนนอินทรพิทักษ์และริมถนนพญาไท

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศในพื้นที่ กทม. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ความชื้น 87% ลมสงบ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ฝุ่นละอองในบรรยากาศเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามกรมควบคุมมลพิษ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่อยู่อาศัย หรือต้องเข้าในพื้นที่ที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน หากจำเป็นต้องออกจากอาคาร ควรใส่หน้ากากอนามัย และหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์

พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการกำกับดูแลกิจกรรมต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองในพื้นที่ เช่น การใช้ยานพาหนะ การเผา และโดยเฉพาะการก่อสร้าง ให้มีมาตรการป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง รวมทั้งรถบรรทุกขนส่งวัสดุก่อสร้างให้มีการปิดคลุมให้มิดชิด เพื่อที่จะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองลงได้

ในขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ใช้อำนาจในการประกาศให้พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเขตควบคุมมลพิษโดยเร็ว หลังเกิดปรากฏการณ์หมอกพิษ จนทำให้พื้นที่กรุงเทพมหานครมีคุณภาพอากาศเกินมาตรฐาน หลายครั้งหลายหนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเหตุให้ประชาชนเจ็บป่วย ใช้ชีวิตอย่างยุ่งยาก เพราะต้องคอยหาหน้ากากป้องกันฝุ่นมาสวมใส่ตลอดเวลา เกิดทัศนวิสัยการมองเห็นลดต่ำลง