นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการฯได้ออกแถลงการณ์โดยเรียกร้องให้รัฐบาลคืนวีรชนผู้สูญหายในเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และหาข้อยุติให้แก่เหตุการณ์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางสังคมและเป็นบทเรียนอนุสติแก่สังคมในการสร้างการปรองดองที่ยั่งยืนต่อไป ตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยกล่าวไว้เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า หากเมื่อตนเองเป็นรัฐบาลผู้มีอำนาจโดยตรงแล้วจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ เพื่อให้มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนไม่ปล่อยยืดเยื้อต่อไป
การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ยึดอำนาจมาจากนักการเมืองโดยประกาศการปฏิรูปประเทศและเร่งรัดขจัดนักการเมืองและข้าราชการที่มีพฤติกรรมทุจริตและคอรัปชั่น เพื่อสร้างกระบวนการยุติธรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวและขอเวลาในการทำงานเพียงไม่นานจะคืนความสุขให้นั้น ตลอดเวลากว่า 3 ปีที่ประชาชนให้เวลา คสช. ในการทำงานเพื่อได้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว แต่ คสช. กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความไว้เนื้อเชื่อใจของสาธารณชน ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น โดยเฉพาะมีความพยายามที่จะยืดระยะเวลาของการอยู่ในอำนาจออกไปจึงถือว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนเริ่มหมดศรัทธาที่เคยมีต่อ คสช. เสียแล้ว
ทั้งนี้กว่า 3 ปีที่ คสช. ใช้อำนาจในการบริหารประเทศนั้นถือว่าเพียงพอและมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ภาคประชาชนจะส่งสัญญาณให้ คสช. ได้ทบทวนตัวเองและรีบลงจากอำนาจไปโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’ 35 ได้เฝ้าติดตามความขัดแย้งและความรุนแรงทางการเมืองมาโดยตลอด หากผู้มีอำนาจไม่รักษาสัจจะวาจาที่มีต่อประชาชน ขอได้โปรดอย่าเสียสัตย์เพื่ออำนาจอีกเลย และไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภา 2535 จึงมีข้อเรียกร้องดังนี้
1.นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องประกาศเป็นสัญญาประชาคมให้ชัดเจนเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ และต้องไม่เลื่อนโรดแมปอีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศและนานาชาติ
2.พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต้องพิจารณาตนเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งกรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินนาฬิกาหรู เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรม มีความสง่างามทางการเมือง เสียสละเพื่อประเทศชาติและลดการเผชิญหน้าทางสังคม
3.รัฐบาลสามารถใช้อำนาจทางบริหารตาม ม.21 พ.ร.บ.องค์กรอัยการ พ.ศ.2553 ชะลอหรือระงับการดำเนินคดีนักโทษทางการเมืองและนักโทษทางความคิดทั้งหมด เพื่อขจัดความขัดแย้ง สร้างการปรองดองสมานฉันท์ในหมู่ประชาชน
4.ไม่ใช้อำนาจพิเศษในบทเฉพาะกาลตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมทางการเมือง
คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คสช. จะตระหนักถึงสถานการณ์ที่อ่อนไหว ไม่ใช้อำนาจแบบพร่ำเพรื่อนำไปสู่การเผชิญหน้าทางสังคมโดยนำตัวเองไปเป็นคู่ขัดแย้งสร้างเงื่อนไขความรุนแรงเสียเอง ซึ่งหากเกิดวิกฤติครั้งนี้จะรุนแรงกว่าเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ กลายเป็นเคออสทางการเมือง จึงขอให้เร่งพิจารณาตามข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อดังกล่าว เพื่อขจัดความขัดแย้ง คืนความสุขให้ประเทศชาติโดยเร็ว