กนอ.ชี้แจงกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ถังบรรทุกน้ำมันที่ติดตั้งอยู่บนรถบรรทุกน้ำมัน ขณะขนถ่ายน้ำมันดีเซล เกิดระเบิด บริเวณอาคาร Loading Area ของบริษัท ซีออยล์ ปิโตรเคมีคอล จำกัด ในพื้นที่นิคมฯ อมตะนคร จังหวัดชลบุรี พร้อมสั่งให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการโรงงานกว่าจะตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุงกระบวนการและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้แล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ พร้อมตรวจสอบความเสียหาย และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจสุขภาพสร้างความเชื่อมั่นให้ชุมชนใกล้เคียงต่อไป
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยวันนี้ (28 พฤศจิกายน 2560) ว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ถังบรรทุกน้ำมันของบริษัท ซีออยล์ ปิโตรเคมีคอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี เป็นผู้ประกอบกิจการผลิตสารตัวทำลายจากการแยกคอนเดนเสท เช่น รับเบอร์ (Rubber Solvent ,White Spirit, Napha ฯลฯ) และเป็นผู้ผลิตเมทิลเอสเทอร์ (Methyl Ester -Biodiesel) เจ้าหน้าที่ กนอ. จึงเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบ
เบื้องต้นพบว่า เกิดเพลิงไหม้ถังบรรทุกน้ำมันในขณะกำลังขนถ่ายน้ำมันดีเซลบริเวณอาคาร Loading Area ภายในโรงงานดังกล่าว และขณะนี้สามารถเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ โดยใช้รถดับเพลิงในพื้นที่และรถดับเพลิงชนิด���ฟม ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครได้แล้วในเวลา 14.00 น.ทั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ จำนวน 3 คน ซึ่งขณะนี้ได้นำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ กนอ. ใช้มาตรา 39 วรรคหนึ่ง ตาม พ.ร.บ. โรงงาน 2535 สั่งการให้บริษัท ซีออยล์ ปิโตรเคมีคอล จำกัด หยุดประกอบกิจการ 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งนี้ โดยให้บริษัทฯ ดำเนินการดังนี้
1.ปรับปรุงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจนกว่าจะตรวจและแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จ
2.ดำเนินการกำจัดวัสดุที่เสียหายและทรายที่ใช้ในการระงับเหตุฉุกเฉินให้เป็นไปตามประกาศกระทรวง
อุตสาหกรรม เรื่องการกำจัดสิ่งปฎิกูล หรือ วัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2548
3.ขอให้ปรับปรุงแก้ไข ตรวจสอบ ซ่อมแซม ความเสียหายของเครื่องจักร อุปกรณ์ ระบบไฟฟ้า และโครงสร้าง
อาคารในส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกิดเหตุโดยมีหนังสือรับรองการตรวจสอบของผู้ประกอบการวิชาชีพ
วิศวกรรมควบคุม
4.จัดทำมาตรการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ
นอกจากนั้น บริษัทจะต้องชี้แจงรายละเอียดสาเหตุการเกิดเหตุ พร้อมทั้งจัดทำแผนปรับปรุงระบบการขนถ่ายน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยต่อการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาก่อนอนุญาตให้เปิดดำเนินการต่อไป