นางสาวจันทิมา ธนาสว่างกุล อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ระบบการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยให้ความสำคัญกับพยานหลักฐาน แต่ไม่เอื้อต่อการแสวงหาและค้นหาความจริง เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลาในการส่งตัวพยาน ทำให้กระบวนการเร่งรีบ ต้องรอบคอบมากขึ้น
ขณะที่พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ เรียกร้องให้การแจ้งข้อกล่าวหา ต้องผ่านการกลั่นกรองจากพนักงานอัยการ เห็นชอบในการแจ้งข้อกล่าวหา โดยอัยการต้องเปลี่ยนหลักคิดจากการมีพยานหลักฐานน่าเชื่อถือ เป็นการมีพยานหลักฐาน ‘ชัดเจนเพียงพอ’ที่จะพิสูจน์ให้ศาลสั่งฟ้องหรือลงโทษได้ เพื่อไม่ให้เกิดการยกฟ้องคดีให้ได้มากที่สุด
ส่วน พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาพิจารณาขึ้นใหม่ ศาลต้องมีอำนาจวินิจฉัยมากขึ้น และให้สามารถยื่นเรื่องให้มีการรื้อฟื้นได้มากกว่า 1 ครั้ง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อผู้ร้อง เนื่องจากยังกำหนดให้ยื่นเรื่องได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้นและให้นำหลักฐานที่เป็นประโยชน์เข้าสู่กระบวนการค้นหาความจริง ไม่เฉพาะหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฎในสำนวน
ทั้งนี้ ได้เสนอให้ใช้ระบบบันทึกภาพและเสียงในการบันทึกปากคำ ซึ่งจะช่วยให้คำให้การจากพยานบุคคลไม่คลาดเคลื่อน รวมถึงสามารถใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งข้อหา ฟ้องร้อง และพิพากษาได้อย่างถูกต้อง
รายงานโดย : นัดดา พิศูนจ์