นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาลต้านทุจริตและคอร์รัปชัน ในฐานะผู้กล่าวหา พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายต่อเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า ล่าสุดคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน กรณีการดำเนินโครงการจัดซื้อและติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือซีซีทีวี ให้กับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ Safe Zone School แล้ว
นายวิวัฒน์ ระบุว่า ได้เข้าให้ถ้อยคำในฐานะผู้กล่าวหา ต่อพนักงานไต่สวนสำนักปราบปรามการทุจริตภาคการเมือง 1 ป.ป.ช. หลังได้ยื่นเรื่องถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้ตรวจสอบว่า พล.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะผู้กำกับดูแลโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดในโรงเรียนจังหวัดชายแดนใต้ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีเจตนาปล่อยปละละเลยให้ทหารแทรกแซง ข่มขู่ คุกคาม ครูที่เป็นกรรมการตรวจรับงาน หรือ ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลให้เป็นไปตามนโยบาย และรู้ว่ามีการกระทำทุจริต แต่กลับไม่ระงับยับยั้งการทุจริต จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินแผ่นดิน จำนวน 577 ล้านบาท หรือไม่
นายวิวัฒน์ ให้ถ้อยคำกับป.ป.ช.โดยยืนยันว่า มีทหารไปแทรกแซงการจัดซื้อและข่มขู่ คุกคามครูที่เป็นกรรมการตรวจรับงานให้ตรวจรับงานไม่ตรงตามสเปก จนเกิดความเสียหาย และเลือกบริษัทที่อ้างว่าผู้ใหญ่สั่งมา แต่ปรากฏว่ากล้องซีซีทีวีไม่ตรงสเปก แต่กลับถูกบังคับให้มีการตรวจรับอุปกรณ์ ซอฟต์แวร์ไม่ครบ ไม่สามารถดูผ่านโทรศัพท์มือถือได้ จึงไม่ตรงกับสัญญาทีโออาร์
นายวิวัฒน์ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ได้แจ้งเตือนให้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในทุกขั้นตอน แต่กระบวนการกลับไม่ถูกระงับ การกระทำดังกล่าวจึงส่อว่าจะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน และจะลงพื้นที่เรียกครูที่เป็นคณะกรรมการตรวจรับ มาสอบถามพูดคุยข้อเท็จจริง
เมื่อสรุปผลได้แล้ว จะเป็นขั้นตอนของการเรียก พล.อ.สุรเชษฐ์ มาให้ถ้อยคำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: