สื่อของรัสเซียรายงานว่า เดนิส ปูชิลิน ผู้นำ “สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์” ได้ออกมาแถลงไปยัง โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนว่าขอให้เซเลนสกียอมสละดินแดนที่เพิ่งได้รับการรับรองเอกราชจากทางรัสเซีย โดยปูชิลินระบุว่า ยูเครนจะต้องถอนอาวุธและกองกำลังของตนเองออกจากโดเนตสในทันที
ก่อนหน้านี้ โดเนตสค์และลูฮันสค์ได้รับการประกาศรับรองการเป็นสาธารณรัฐให้เป็นเอกราชจากยูเครนโดยรัสเซีย อย่างไรก็ดี กลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้อ้างสิทธิ์ของตนเองเหนือดินแดนในบริเวณทางตะวันออกของยูเครนในขนาดที่ใหญ่กว่าพื้นที่ที่ตนเองมีอิทธิพลเหนืออยู่
ปูชิลินระบุว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนต้องการการเปลี่ยนผ่านด้วยความสงบสุข แต่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลับเรียกร้องของความช่วยเหลือจาก “พี่ใหญ่รัสเซีย” ในขณะที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้เดินหน้าการรุกรานยูเครนในทางตะวันออก โดยมีรายงานเสียงระเบิดจำนวนมากในหลายสิบเมือง ไม่เว้นแม้แต่กรุงเคียฟ ของยูเครน
จากรายงานของ KyivPost ระบุว่า “โครงสร้างพื้นฐานทางทหารที่ฐานทัพอากาศของกองทัพยูเครนถูกปิดการใช้งาน” กระทรวงกลาโหมกล่าวในแถลงการณ์ ก่อนย้ำว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนนั้น “ถูกกำจัด” โดยปูตินได้แถลงขอให้ทหารและอาสาสมัครรบของยูเครน “วางอาวุธลงทันทีและเดินทางกลับบ้าน” โดยการที่รัสเซียได้เริ่มรุกรานยูเครนในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในโดเนตสค์และลูฮันสค์ของยูเครนร้องขอความช่วยเหลือจากทางรัสเซีย
รัสเซียประกาศรับรองเอกราชโดเนตสค์และลูฮันสค์ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ.) โดยปูตินย้ำไปยังยูเครนว่า เซเลนสกีต้องถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทางตะวันออกของตนให้หมดเพื่อยุติความทุกข์ยาก การนองเลือด และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในภูมิภาคดอนบาส อย่างไรก็ดี ยังไม่มีหลักฐานใดๆ จากทางฝั่งรัสเซียที่ชี้ชัดได้ว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพื้นที่ดังกล่าวจริง
ทั้งนี้ ปูตินย้ำว่า รัสเซียไม่ได้จะเข้าทำการยึดครองยูเครนทั้งประเทศ และไม่ต้องการจะให้เกิดการบังคับขู่เข็ญใดๆ กับผู้ที่อยู่อาศัยในดินแดนดอนบาส โดยปูตินย้ำว่า รัสเซียพบว่าองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) มีการเคลื่อนหัวรบเข้ามาใกล้รัสเซีย และข้อเรียกร้องจากทางรัสเซียไปยังโลกตะวันตกในการรับรองว่ายูเครนจะไม่สามารถเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ และโลกตะวันตกจะต้องรับรองความมั่นคงให้กับทางรัสเซียถูกเมินเฉยมาโดยตลอด
แอนดีน์ เทอร์ชัก สมาชิกระดับสูงของรัฐสภารัสเซียระบุว่า จะไม่มีกองทัพใดของโลกใบนี้ที่จะมาล้มล้างมติการรับรองเอกราชของรัสเซียต่อโดเนตสค์และลูฮันสค์ “สำหรับเรา สโลแกนที่ว่า ‘รัสเซียไม่เคยทอดทิ้งประชาชนของตนเอง’ มันไม่ใช่คำพูดแบบลอยลม” ทั้งนี้ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในบริเวณโดเนตสค์และลูฮันสค์มีความใกล้ชิดในทางเชื้อชาติกับรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้ออ้างที่รัสเซียใช้อ้างในการรับรองเอกราชให้แก่โดเนตสค์และลูฮันสค์
ที่มา: