ไม่พบผลการค้นหา
'วราวุธ ศิลปอาชา' รมว.พม. เผย ครม. ไฟเขียว พม.ขอแก้กฎหมาย คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว เพิ่มโทษ-บทนิยาม ชง ครน. ทันทีศุกร์ 21 มี.ค.นี้

วันที่ 19 มีนาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 68 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ 

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีถึงการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานานกว่า 17 ปีแล้ว ซึ่งมีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับมีขั้นตอนหรือกระบวนการที่ยังไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพได้ กระทรวง พม. จึงมอบหมายให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ผ่านกลไกคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ปี 2564 เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวมีสาระสำคัญหลักในการแก้ไขเพิ่มเติมบางบทนิยามให้มีความชัดเจนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ดังนี้

1. บทนิยามคำว่า “ความรุนแรงในครอบครัว” ให้มีความหมายครอบคลุมไปถึงการล่วงเกินหรือคุกคามทางเพศ และการกระทำใด ๆ โดยมุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ รวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียง

2. บทนิยามคำว่า “บุคคลในครอบครัว” ให้มีความหมายครอบคลุมไปถึงคู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กินด้วยกันหรือเคยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้ที่มีหรือเคยมีความสัมพันธ์ฉันคู่สมรส ตลอดจนคู่รักที่แสดงออกต่อบุคคลทั่วไปหรือที่มีความผูกพันลึกซึ้งทางจิตใจต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่เกิดจากการรับไว้อุปการะเลี้ยงดูอย่างบุตร หรือเป็นบุคคลที่มีความผูกพันกันลึกซึ้งทางจิตใจต่อกัน แม้ไม่มีความเกี่ยวพันกันทางเครือญาติ

3. บทนิยามคำว่า “พนักงานเจ้าหน้าที่” ให้รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่นด้วย เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำได้อย่างทันท่วงที

4. เพิ่มอัตราโทษปรับในความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัว จากเดิมปรับไม่เกิน 6,000 บาท เป็นปรับไม่เกิน 60,000 บาท

5. ให้ศาลลงโทษหนักขึ้น หากผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวมีการกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี หรือการกระทำความรุนแรงในครอบครัวต่อเด็ก

6. ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการกระทำความรุนแรงในครอบครัวหรือจะมีการกระทำผิดซ้ำสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ

7. ขยายระยะเวลาร้องทุกข์จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน

8. กำหนดเหตุลดโทษ หากปรากฏข้อเท็จจริงทางการแพทย์ว่าผู้กระทำความผิดได้กระทำไปเพราะตนเองหรือบุคคลในครอบครัวของตนถูกกระทำด้วยความรุนแรงหรือถูกกระทำโดยมิชอบซ้ำกันอย่างต่อเนื่องจนเป็นเหตุให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อร่างกายหรือจิตใจอย่างรุนแรง (Batterd Person Syndrome) 

9. กำหนดให้การแก้ไขความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ดำเนินการโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ถูกกระทำเป็นสำคัญ

10. เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลมากยิ่งขึ้น

“ต้องขอขอบคุณ ครม. รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับสถาบันครอบครัว และความเข้มแข็งของสังคมไทย โดยได้ให้ความเห็นชอบในหลักร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เพื่อคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งกฎหมายดังกล่าวใช้มานานแล้ว จึงถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทางกระทรวง พม. จึงได้ขอแก้ไขบทนิยาม ความหมาย คำจำกัดความ และระยะเวลาในการฟ้องร้องของผู้ถูกกระทำ รวมถึงบทลงโทษ ซึ่งในสาระสำคัญของกฎหมายนี้ เราต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวเพื่อให้กฎหมายเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนั้น การคุ้มครองผู้ถูกกระทำคือหัวใจของกฎหมาย จากนี้ กระทรวง พม.จะได้เร่งให้ดำเนินการ เพื่อกฎหมายได้ประกาศใช้คุ้มครองโดยเร็ว” นายวราวุธ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล (ครน.) ครั้งที่ 5/2568 ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมฯ