ไม่พบผลการค้นหา
'ปริญญา เทวานฤมิตรกุล' ฟันธง 'ประยุทธ์' อยากนั่งนายกฯ อีกไม่ง่าย แนะยอมถอย เหตุ 'นายกฯคนนอก' เป็นของแสลงการเมืองไทย

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ที่มีบทบาทในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 กล่าวบนเวทีเสวนาเลือกตั้ง 2562 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคู่ขนานกับการเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ คือการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี

โดยกติกาออกแบบว่าคนที่จะเป็นนายกฯ สามารถมาจากคนนอกได้ ผ่านการเสนอชื่อของพรรคการเมือง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าผู้ร่างกฎหมายได้ประสบความสำเร็จครั้งแรกหลังจากปี 2535 ในการให้อำนาจ ส.ว. ที่มาจากคสช.เลือกนายกฯ ได้ ส่วนการเป็นนายกฯ คนนอกนอก ถือเป็นของแสลงการเมืองไทย เหมือนในหน้าประวัติศาสตร์ของการชุมนุมทางการเมืองปี 2535 หรือ 'พฤษภาทมิฬง ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จึงออกมาพูดว่าต้องเป็นนายกฯ ในระบบบัญชีรายชื่อ

อย่างไรก็ตาม หาก พล.อ.ประยุทธ์ ลงว่าที่นายกฯ การเมืองไทยจะแตกออกเป็นการเมืองแบบสามก๊ก ประกอบไปด้วย ก๊กที่ 1 มี ส.ว.และพรรคที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ก๊กที่ 2 พรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่าย ก๊กที่ 3 พรรคประชาธิปัตย์ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเป็นนายกฯต่อ ต้องมีรวมกันของ 2 ก๊ก ซึ่งแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ คือพรรคที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ร่วมมือกับพรรคประะชาธิปัตย์ เนื่องจากไม่มีความเป็นไปได้ว่า ก๊กของพรรคเพื่อไทยจะร่วมจับมือกับก๊กหนุนประยุทธ์

สำหรับตัวแปรสำคัญคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ 6.4 ล้านคนที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ อาจมีความเป็นไปได้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งนี้ ขณะเดียวกันต้องตั้งคำถามว่า อำนาจของรัฐบาลในปัจจุบันจะทำให้ คสช.มีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ รวมถึงยังมีมาตรา 44 คงอำนาจไว้อยู่ จึงเป็นการได้เปรียบกว่าทุกพรรคการเมือง


"อย่างไรโอกาสที่จะเกิดขึ้นในการดำรงตำแหน่งต่อพล.อ.ประยุทธ์ ถือว่ามีความยาก เพราะยิ่งจะเสื่อมเพิ่มขึ้น จึงอยากเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ ควรถอย ถ้าไม่ยอมถอย ก็จะนำไปสู่การเมือง 3 ขั้ว"


ผศ.ดร.ปริญา ยังได้ฟันธงว่า 'พล.อ.ประยุทธ์' ไม่สามารถยึดโมเดล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ เพราะสถานะไม่เหมือนกัน เพราะ พล.อ.เปรม ไม่ได้มาจากการยึดอำนาจ รวมถึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญและกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ 

ขณะที่ระบบเลือกครั้งนี้ที่ถือเป็นข้อดีคือระบบสัดส่วน จะทำให้ประชาชนกล้าเลือกพรรคใหม่ที่ชื่นชอบได้โดยจะมีผลจากการแบ่งสรรคะแนนนั่นเอง ส่วนท่าทีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ชัดเจน อาจนับรวมไปว่าเป็นกลุ่มเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจะทำให้เป็นข้อเสียต่อพรรคเอง จึงคิดว่าควรมีท่าทีชัดเจนมากกว่านี้

เมื่อมองถึงความเชื่อมั่นของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ผส.ดร.ปริญญา มองในภาพรวมว่า ประชาชนรู้สึกว่ากกต. เกรงใจ คสช. ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่า กกต.มีอำนาจมาก ที่ 1 ใน 7 คณะกรรมการ สามารถสั่งให้บางหน่วยเลือกตั้งหย่อนบัตรใหม่ได้ 

ส่วนกติกาที่ถูกร่างโดยคนเดียวกันในปี 2535 นั้น มีความต่างคือโมเดล การเมืองไทยสามก๊ก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯ อีกครั้งต้องทำให้พลังประชารัฐชนะการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ออกแบบเจตนาลดทอนอำนาจพรรคใหญ่ แต่ถูกแก้เกมโดยการแตกพรรคของพรรคเพื่อไทย แต่การแตกพรรคครั้งนี้จะฉลาดพอหรือไม่ในการส่งตัวผู้สมัครของแต่ละเขต 

นอกจากนี้ ภายหลังการเลือกตั้ง หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นผู้นำรัฐบาล อำนาจก็จะมีน้อยลง เมื่อคุม ส.ส.ไม่อยู่ อาจจะย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ทางการเมืองอีกครั้ง 


"สำหรับ 5ปีแรกของการเปลี่ยนผ่าน โดย คสช.อยู่ได้นานขนาดนี้ เพราะเราแตกแยกกัน ทำให้ทหารต้องออกมาปกครอง ดังนั้นประชาชนต้องพิสูจน์ว่าปกครองตนเองได้ เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างตามแนวคิดของทหารที่เชื่อว่าพวกเขาต้องการให้บ้านเมืองสงบ" ผศ.ดร.ปริญญาระบุ