วันที่ 23 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 10.15 น. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ สมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาแถลงข่าวเปิดตัวกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ หลังลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วก่อนหน้านี้
โดยทันทีที่ลงจากรถ แกนนำและผู้บริหารพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค ภูมิธรรม เวชยชัย และ ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยอดีต ส.ส.ทั้งจากพรรคเพื่อไทย และจากพรรคพลังประชารัฐที่ได้ย้ายเข้ามาก่อนแล้ว ได้ร่วมกันให้การต้อนรับ
จากนั้น นพ.ชลน่าน ได้กล่าวแสดงความยินดี และต้อนรับ สมศักดิ์ สุริยะ รวมถึง อนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า วันนี้ถือเป็นวันที่ดีกว่าวันที่ 20 มี.ค. ซึ่งเป็นวันประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะพรรคเพื่อไทยได้ผู้เคยร่วมอุดมการณ์เดียวกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย กลับมาอีกครั้ง
บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่คนใหม่ แต่ได้เคยสร้างสรรค์ผลงานมาด้วยกัน สุริยะ เคยเป็นเลขาธิการพรรค สมศักดิ์ และ อนงค์วรรณ ก็ เคยเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวงได้ผลักดันหลายนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบแต่ด้วยความผันผวนทางการเมืองไทยทำให้มีความจำเป็นต้องไปทำงานในมิติทางการเมืองกับพรรคอื่นๆ
"ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ผมเชื่อว่าบนเวทีนี้จะไม่มีทั้ง 3 ท่าน ปรากฏอยู่ จะถูกทำลายล้าง ไร้โอกาส ไร้อนาคต โดยเฉพาะความมุ่งหวังที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน จึงจำเป็นต้องรักษาสภาพของตัวเองให้อยู่รอด"
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อไปว่า ตนปรารถนาอย่างแรงกล้า ว่าภาพเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกโดยเฉพาะในอนาคต หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มีภาพเช่นนี้ปรากฏขึ้นในการเมืองไทย หากเป็นการเมืองที่ประชาชนได้ตัดสินอนาคตด้วยอำนาจของประชาชนเอง โดยไม่มีอำนาจแฝงใดๆ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ หากมีพรรคที่ได้เสียงข้างมาก เชื่อว่าฝ่ายการเมืองต่างๆ จะปรับตัวเข้าสู่สภาพปกติ
ขณะที่ สมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมีความสุข และมีความหวังอย่างมาก สิ่งที่ตนคิดสามารถสร้างให้บรรลุผล ช่วยประชาชนได้ ถ้าเราไม่ปรับตัวเองให้เดินไปตามแนวทางนี้ จะเป็นความเสียหายต่อประเทศชาติ ต้องขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่เปิดโอกาสให้มาเป็นสมาชิก เพื่อให้ตนมาช่วยเติมเต็มให้เป้าหมายแลนด์สไลด์สำเร็จ
"อย่างที่ผมบอกเสมอ ดินฟ้าอากาศ ฟ้าเปิด เมฆหมอกจากหาย เบาบางไป ก็เป็นบรรยากาศของประชาธิปไตย ที่จะสร้างงานสร้างอาชีพให้พี่น้องประชาชนมีความสุข" สมศักดิ์ กล่าว
สมศักดิ์ ยังระบุว่า ตนประทับใจในนโยบายและการทำงานของพรรคเพื่อไทย นโยบายเดิมของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้บรรลุเป้าหมายอย่างแจ่มชัด ตอนนี้แม้ไม่มีพวกตนเข้ามา พรรคเพื่อไทยก็เกือบแลนด์สไลด์แล้ว เพราะประชาชนเข้าใจในนโยบาย และเชื่อมั่นในคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ สมศักดิ์ ยืนยันว่า หลังจากการย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยครั้งนี้แล้ว ในอนาคตตนจะไม่เปลี่ยนขั้วทางการเมืองแล้วแน่นอน
เมื่อถามว่า ตอนนี้ฟ้าเปิด พร้อมให้พรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ สมศักดิ์ ถามกลับว่า "พรรคเดียวใช่ไหมครับ ผมก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น พรรคเดียว"
ด้าน สุริยะ เผยถึงเหตุผลที่มาสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างเศรษฐกิจของไทยได้พังทลายลง โดยเฉพาะ 4 ปีแรกหลังรัฐประหาร ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสอย่างมาก ขณะที่พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.จำนวนไม่มากพอ ต้องกระจายกระทรวงเศรษฐกิจไปตามพรรคต่างๆ ทำให้ขาดพลัง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจึงไม่สำเร็จ
สุริยะ ชี้ว่า การจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้นั้น ต้องมีพรรคแกนนำที่ได้รับการเลือกตั้งมาอย่างถล่มทลาย ตน และ สมศักดิ์ จึงได้ตัดสินใจย้ายเข้ามายังพรรค เพื่อเป็นส่วนช่วยให้เกิดการแลนสไลด์ และนำเอานโยบาย 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ไปสู่การปฏิบัติ เพราะเศรษฐกิจที่พังไปแล้ว ต้องคิดใหญ่เท่านั้น จึงจะแก้ได้
และจากการที่ตนได้ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการ และเพื่อนฝูงหลายคน ได้แสดงความเห็นมาว่า ตนควรต้องย้ายพรรค ไม่ควรอยู่พรรคพลังประชารัฐต่อไป ทั้งนี้ จากผลสำรวจต่างๆ ตนยังเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยสามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้แน่นอน
"ตามที่ สมศักดิ์ คาดว่า พรรคเพื่อไทยสามารถเป็นรัฐบาลได้ 99.99% ผมเชื่อว่าทุกคนในห้องนี้ก็คิดเช่นเดียวกัน" สุริยะ กล่าว
เมื่อถามว่า สมศักดิ์ ได้เคยกล่าวว่า สลายกลุ่มสามมิตรแล้ว ในพรรคเพื่อไทย จะสามารถผลักดัน ส.ส.กลุ่มใหม่ขึ้นมาได้อีกหรือไม่ สมศักดิ์ ระบุว่า ที่เดิมเราทำงานเป็นกลุ่ม เป็นมุ้ง แต่ที่เพื่อไทยจะไม่มี ต้องเป็นหน้าที่ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่จะเข้ามาช่วยกันสร้างบุคลากรเพิ่มขึ้นในพื้นที่ใหม่ กลุ่ม ส.ส.ในอดีตไม่จำเป็นต้องตามมาทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องบังคับเขา เราเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการ
เมื่อถามถึงบทบาทที่วางไว้สำหรับ สมศักดิ์ และ สุริยะ ในพรรค สมศักดิ์ ตอบว่า "ลอยๆ ตัว ไปหลายที่" เพราะตนมีสมัครพรรคพวกคอยรับฟังนโยบายอยู่ในหลายจังหวัด ก็จะเดินทางไปให้ทั่วเท่าที่โอกาสจะอำนวย
ก่อนที่ นพ.ชลน่าน จะเสริมว่าเป็นตำแหน่ง ลิเบอรัล เป็นเสมือนกองกลางในทีมฟุตบอล เป็นแรงผลักสนับสนุน ไม่ใช่ตัวจ่าย และจะดูแลพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคกลาง โดยเฉพาะพื้นที่ใหม่ที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยมี ส.ส.