เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยภายหลังจากการหารือร่วมกับ ฟาน จี๊ ทัญ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย ว่า ท่านทูตได้เข้าพบเพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยตนและท่านทูตได้เห็นพ้องว่าไทยและเวียดนามต่างเป็นประเทศคู่ค้าที่มีความสำคัญต่อกัน โดยเวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับ 8 ของไทยในโลก และอันดับที่ 2 ของไทยในอาเซียน โดยการค้าสองฝ่ายกลับมาขยายตัวสูง ซึ่งมีส่วนสำคัญมาจากการนำเข้าของไทยจากเวียดนามที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสินค้าประเภทวัตถุดิบ (น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์) สินค้าขั้นกลาง (เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ) ตลอดจนสินค้าสำเร็จรูป (เครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์)
นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นประเทศที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจเข้าไปลงทุน โดยในปัจจุบัน มีบริษัทไทยกว่า 700 บริษัท ที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม เนื่องจากความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ค่าแรงราคาถูก และแรงงานมีทักษะสูง ตนและท่านทูตจึงเชื่อว่าการบรรลุเป้าหมายการค้าร่วมที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 เป็นไปได้
นลินี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนและท่านทูตเวียดนามยังเห็นว่าไทยและเวียดนามควรเร่งดำเนินการร่วมกันในการขยายมูลค่าการค้าเพิ่มเติม ผ่านการลดอุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ รวมถึงควรพิจารณาหาสาขาความร่วมมือใหม่ ๆ เช่น การเกษตร พลังงาน รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า โดยการดำเนินนโยบายของทั้งสองประเทศควรเป็นแน่ในที่ส่งเสริมไม่ใช่แข่งขันกัน นอกจากนี้ เวียดนามยังขอให้ไทยเปิดสาขาเพิ่มเติมสำหรับแรงงานเวียดนาม นอกเหนือจากประมงและการก่อสร้าง \