ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตาก ว่า ปฏิบัติการเดินคารวะแผ่นดิน วันที่ 67 ของ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ในวันนี้ (18 ม.ค.) ที่ จ.อุตรดิตถ์ นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรค และในฐานะประธานคณะทำงานเดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมด้วย นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสำราญ ยอดเพชร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พร้อมด้วย นายธนินทร์ แก่นอินทร์ ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 และนายสมพร ปานเพ็ง ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ของพรรค ร่วมเดินพร้อมแนะนำตัวด้วย โดยได้เริ่มปฏิบัติการเดินคารวะแผ่นดิน คารวะประชาชน ที่บริเวณด้วยการเดินตลาดเทศบาล 3 ต่อด้วย การเข้ากราบสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก จากนั้นเดินต่อตลาดคลองโพธิ์ 

เมื่อถามนายสุเทพว่า นโยบายการหาเสียงตอนนี้ดูเหมือนจะสู้กันด้วยเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทาง พรรค รปช. มีอะไรไปสู้กับเขาบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า พรรค รปช. อาจจะมีนโยบายทางเศรษฐกิจแตกต่างกับพรรคอื่น เพราะเราประกาศชัดเจนตั้งแต่แรกว่า เรายึดถือเอาปัญหาเศรษฐกิจ ของครัวเรือนประชาชน เป็นเรื่องใหญ่ ตนเป็นคนประกาศเป็นคนแรกว่า เศรษฐกิจของพี่น้องประชาชน ระดับชาวบ้านกำลังวิกฤต สาหัส เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนให้ความสนใจ และเราได้เอาเสียงร้องของพี่น้องประชาชนมากำหนดเป็นนโยบาย

"นโยบายของพรรคร่วมพลังประชาชาติไทยคือ แก้ปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน แก้ปัญหาเศรษฐกิจชาวบ้าน เราจะต้องทำให้พี่น้องประชาชน มีเศรษฐกิจที่มั่นคงในแต่ละครัวเรือนก่อน ประเทศชาติ ถึงจะอยู่รอดได้ นี่คือสิ่งที่เราจะดำเนินการ และไม่เหมือน พรรคการเมืองอื่น" นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามต่อว่า หลายพรรคการเมือง จะชูเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก แสดงว่าเวลานี้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ที่สุดในรอบปีอย่างนั้นหรือ

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดอย่างนั้น เศรษฐกิจของประเทศโดยภาพรวม อาจจะดี ถือว่าดี การเจริญเติบโต ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ 4 กว่าๆ เกือบๆ 5 ถือว่าดี ดีกว่าหลายรัฐบาล แต่ที่พูด คือเศรษฐกิจของชาวบ้านระดับล่าง พ่อค้า แม่ค้าที่อยู่ตามตลาดตามอำเภอ ตามจังหวัดต่างๆ พ่อค้าแม่ค้าจะร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า ขายของไม่ได้ยอดขายลดลง และพ่อค้าแม่ค้าก็รู้ว่าที่พวกเขาขายของไม่ได้ เพราะเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาไม่มีเงินเนื่องจาก ราคาสินค้าตกต่ำมา 8 – 9 ปี ติดต่อกัน ขายเมื่อไร ก็ขายทุน เงินก็หาย เป็นหนี้สิน ไม่มีกำลังซื้อ ตลาดล่าง ก็ฟุบ ซบเซา การที่ออกมาเดินคารวะแผ่นดิน คารวะประชาชน ได้ยินได้ฟัง เรื่องนี้ด้วยหูของตัวเอง ได้สัมผัสด้วยตัวเอง ไม่ต้องฟังรายงานจากใคร ทำให้เข้าใจได้ว่า พี่น้องประชาชนเขาเดือดร้อน

เมื่อถามอีกว่า มาถึงตอนนี้ จะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ กล่าวว่า พรรครปช. ได้ปรึกษากันแล้ว จะไม่เสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี เรารู้ว่าเราไม่ใช่พรรคที่จะชนะ มีคะแนนเป็นที่หนึ่ง เพราะฉะนั้นเราก็ไม่สร้างปัญหา เราต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย เดินหน้าต่อไปได้ พัฒนาประเทศให้เจริญขึ้นให้ได้

เมื่อถามว่า หากพรรคได้คะแนนส่วนหนึ่ง ทางพรรคจะชูใครเป็นนายกฯ นายสุเทพ กล่าวคงต้องดูก่อนว่ามีใครบ้าง และดูว่าพรรคการเมืองต่างๆ เขาเสนอชื่อใครมาเป็นนายกฯ วันนี้ยังไม่มีการสมัครตอบไม่ได้ เร็วไป

และมองเรื่องอนาคตข้างหน้า ในการตั้งรัฐบาลว่าแนวทางจะเป็นไปอย่างไรจะสามารถลดความขัดแย้ง สามารถบูรณาการ เข้าร่วมกันได้ทุกฝ่าย นายสุเทพ กล่าวว่า จะเอาทุกเรื่องมารวมกันเป็นเรื่องเดียวกันคงไม่ได้ เอาว่า การเลือกตั้งเกิดขึ้นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายพรรคการเมือง เมื่อเลือกตั้งเสร็จก็มีวิธีการที่จะต้องปฏิบัติให้ชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ดูว่าผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไร แล้วใครคุมเสียงข้างมากได้

ส่วนพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่ลงพื้นที่หาเสียงเวลานี้ ดูเหมือนเริ่มสร้างปัญหาให้กับประเทศมองตรงนี้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกคนควรจะมีความรับผิดชอบต่อประเทศไทย ต่อประชาชนคนไทย โดยส่วนรวม ตนเดินคารวะประชาชน มาเกือบจะครบแล้วก็ไม่เห็นไปสร้างปัญหาให้ใคร คนอื่นมาสร้างปัญหา มายกป้ายมาด่าตน ตนก็ไม่สนใจ ทำให้ต้องยิ่งเดิน จะไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ก็ไม่เกิดปัญหา เราทุกคนไทยก็รู้มาแล้วว่า การที่ประเทศมีปัญหา ประเทศขาดทุน เพราะเราคนไทย คงไม่ยอมให้ประเทศมีปัญหาต่อไป ทุกคนต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ดี

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีแนวโน้มจะเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. นายสุเทพ กล่าวว่า สำหรับพวกเราคนไทย งานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนวันเวลาเลือกตั้งเพื่อไม่ให้กิจกรรมของการเลือกตั้ง ไปทับซ้อนกับกิจกรรม งานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ก็สมควรอย่างยิ่ง ส่วนจะเป็นวันไหน พวกเราไม่เกี่ยง เพราะอย่างไรก็ต้องมีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ส่วนที่มีกลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหวให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น นั้น คงไม่ขอวิจารณ์ เพราะคนต่างจิตต่างใจ