ตำรวจฟิลิปปินส์ประเมินว่า ยาเสพติดล็อตดังกล่าวที่ยึดได้มีมูลค่าในตลาดกว่า 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในการยึดยาเสพติดล็อตใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ประธานาธิบดีดูแตร์เตประกาศทำสงครามกับยาเสพติดเมื่อปี 2559 โดยผู้นำฟิลิปปินส์ขู่ว่าจะสังหารผู้ที่ทำลายประเทศของเขาด้วยการจำหน่ายยาเสพติดเหล่านี้ แม้ดูแตร์เตจะไม่เผยว่ายาเสพติดเหล่านี้มาจากไหน แต่ก็กล่าวว่าฟิลิปปินส์ได้กลายเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายทางเรือสำหรับแก๊งผู้ค้ายาเม็กซิกัน ขณะเดียวกัน ก็ยังกล่าวโจมตีกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่วิจารณ์นโยบายสงครามยาเสพติดของเขาอีกด้วย
คำขู่ของประธานาธิบดีดูแตร์เตยังมีขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้สหประชาชาติได้ระบุในรายงานว่า มีประชาชนหลายหมื่นคนในฟิลิปปินส์ที่อาจถูกสังหารในสงครามยาเสพติด ท่ามกลางภาวะที่เกือบจะเป็นการลอยนวลพ้นผิดสำหรับตำรวจและการปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูง พร้อมระบุว่าสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในฟิลิปปินส์ถูกกำหนดโดยการให้ความสำคัญสูงสุดกับความสงบเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงแห่งชาติที่รวมถึงการต่อต้านการก่อการร้ายและยาเสพติด และมักมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นสิทธิมนุษยชน หลักนิติรัฐ และความรับผิดชอบ ซึ่ง 'มิเชล บาเชเลต์' ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการสอบสวนภายในอย่างเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพต่อข้อกล่าวหาเหล่านี้ และหากไม่มีการตอบสนองที่น่าเชื่อถือภายในฟิลิปปินส์ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติจะสนับสนุนวิธีการอื่นๆ ซึ่งรวมถึง "มาตรการรับผิดชอบระดับสากล"
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่า จำนวนผู้ต้องสงสัยค้าและเสพยาเสพติดที่ถูกสังหารในปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดของตำรวจที่เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค. 2559 อยู่ที่ 5,600 ราย โดยขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่าตำรวจฟิลิปปินส์รวบรัดสังหารผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องยาเสพติด แต่ตำรวจปฏิเสธโดยบอกว่าทำไปเพื่อป้องกันตัวเมื่อผู้ต้องสงสัยขัดขืนการจับกุม