ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณากระทู้ถามสดของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กรณีหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งที่ 3/2562 ยกเว้น พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2562 ในการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นผู้ชี้แจงแทน
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์มาตอบ เพราะการให้ พล.อ.อนุพงษ์ มาตอบแทนนั้น จะสามารถรับผิดชอบทางกฏหมายได้หรือไม่ เพราะกรณีนี้เป็นปัญหาเรื่องความไม่โปร่งใส และส่อไปในทางทุจริต ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้ไปสู่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย ดังนั้น รมว.มหาดไทยไม่ได้เป็นผู้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับนี้ แล้วจะรู้ถึงเหตุผลหรือไม่ว่า ท่านมีคำสั่งฉบับนี้ออกมาเพื่ออะไร
ทั้งนี้ อยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งที่ 3/2562 มายกเว้นกฏหมายที่ออกมาในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำไม ส่อให้เห็นว่ามีความเร่งรีบต่อสัญญาสัมปทานให้บีทีเอสอีก 30 ปี ทั้งที่สัมปทานเดิมยังคงเหลืออีก 10 ปี ซึ่งกรณีดังกล่าวสภาฯได้ส่งความเห็นของกรรมาธิการวิสามัญ ที่มี ส.ส.หลายพรรคการเมืองเพื่อยับยั้งการต่อขยายสัมปทานให้กับรัฐบาลด้วย รัฐบาลได้ศึกษารายละเอียดหรือไม่ แล้วได้รับจดหมายของตนที่ส่งถึง ครม.เพื่อขอให้ยับยั้งการต่อสัมปทานหรือไม่
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า เหตุจำเป็นที่รัฐบาลต้องออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ออกมานั้น เนื่องจากปัญหาในระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการทั้งหมด โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 18 เดือน ซึ่งจะกระทบต่อการให้บริการประชาชน และการบริหารหนี้ด้วย หากมองว่าการต่อสัมปทานครั้งนี้ส่อมีการทุจริตนั้นก็เป็นธรรมดาที่จะมองได้ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเจตนาเพื่อประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนที่จะต้องแบกรับค่าบริการและเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน ไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น
อย่างไรก็ตาม แม้จะออกคำสั่งหัวหน้า คสช.มายกเว้นกฏหมายร่วมลงทุนฯ แต่ตนยืนยันว่า รัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ เพราะเมื่อพิจารณาดูตามองค์ประกอบนั้น มีการแต่งตั้งครบทุกคน และมีเพิ่มเติมมากกว่าที่กฏหมายกำหนดด้วย อาจะพูดได้ว่า คณะกรรมการชุดนี้อาจเป็นไปด้วยนัยที่จะให้ประโยชน์ให้กับรัฐเพื่อจะแก้ปัญหาแล้ว ส่วนจดหมายที่ท่านได้ส่งมานั้นตนได้รับแล้ว รวมถึงข้อคิดเห็นของสภาฯ ด้วย ซึ่งจะตนรับไว้ และจะนำเรียนนายกฯ เพื่อพิจารณายืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย
พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันว่า ที่จำเป็นต้องขยายนั้นเป็นเพราะเรื่องหนี้ที่ กทม.ต้องรับมาจาก รฟม. ซึ่งมีดอกเบี้ยสูงถึงปีละ 1 พันล้านบาท และ กทม.ต้องชดใช้เงินต้น ดังนั้น ตนถามว่ารัฐบาลจะนำเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศมาชดใช้ให้กับคน กทม.นั้น สมควรหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ ครม.ยังต้องหารายละเอียดก่อนจะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ส่วนเวทีที่จะสร้างความเข้าใจกับประชาชนนั้น ส.ส.ก็มีรัฐสภา มีกลไกที่จะใช้วิธีการยื่นกระทู้ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งท่านมีทุกอย่าง ก็น่าจะเป็นแนวทางของประเทศที่จะเดินหน้าทุกอย่างอยู่แล้ว