การเมือง
เพื่อไทย จี้ 'ประยุทธ์' ปลด 'ไก่อู' - เตือนผู้มีอำนาจอย่าเล่นนอก ก.ม.กับม็อบปลดแอก
ที่รัฐสภา อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวประจำสัปดาห์ 2 ประเด็น คือเตือนรัฐบาล อย่าเดินหน้าซื้อเรือดำน้ำ เพราะประชาชนจะลงถนน กับ ท่าทีคนในเครือข่ายรัฐบาล ที่พยายามทำปฏิบัติการด้านข้อมูล (ไอโอ) เกี่ยวกับการชุมนุมของเยาวชนนักศึกษา
อนุสรณ์ กล่าวว่า การชุมนุมของนักศึกษาประชาชน ที่ยกระดับจากเยาวชนปลดแอก เป็นประชาชนแปลดแอก และกระจายการชุมนุมไปทั่วประเทศ และในวันที่ 19 ก.ย.นี้ จะมีการชุมนุมใหญ่นั้น หวังว่าจะไม่มีการดำเนินการกับผู้ชุมนุมด้วยวิธีการนอกกฎหมาย หรือใช้อำนาจเกินกว่ากฎหมายกำหนดและเกินกว่าข้อเท็จจริง และหวังว่าทางตำรวจจะไม่นำรถตัดสัญญาณหรือกระทำการใดที่ริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุม พร้อมเตือนนายกรัฐมนตรีว่า ต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจนไปถึงข้าราชการระดับสูง ผู้นำองค์กรและคนในเครือข่ายผู้มีอำนาจ ไม่ให้ดำเนินการในลักษณะยุยงหรือสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้าทุกกรณี
จี้ ปลด 'สรรเสริญ' ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
พร้อมกันนี้ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องพิสูจน์และแสดงความจริงใจ โดยการย้าย พล.ท.สรรเสริญ ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากกรณี 'คลิปเพลงธงชาติ' แม้เจ้าตัวชี้แจงว่าไม่ได้สั่งให้จัดทำคลิปดังกล่าว แต่ที่ปรากฏใน YouTube เพราะข้าราชการดูแล้วเห็นว่าดีจึงนำไปเผยแพร่ ซึ่ง พล.ท.สรรเสริญ มีวีรกรรมลักษณะนี้ตั้งแต่เรื่อง GT 200 และ เรื่องผังล้มเจ้า ซึ่งวันนี้มีคำถามว่า กำลังจะนำกรมประชาสัมพันธ์ไปทำหน้าที่แบบเดียวกับหนังสือพิมพ์ดาวสยามและวิทยุยานเกราะในอดีต
อนุสรณ์ ยังระบุถึง ท่าที่พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ออกมาระบุว่า ถ้าผู้ชุมนุมไม่อยากโดนคดีหรือโดนจับกุม ให้ไปชุมนุมที่ที่ทุ่งกุลาร้องไห้นั้น มีคำถามว่า ตอนม็อบนกหวีด Shutdown กรุงเทพฯ มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกมาพูดเสียดสีเชิงประชดประชันเช่นนี้หรือไม่ และโมเดลนี้ เหมือนจะนำวิธีการจัดการปัญหาบ่อนคาสิโนกลางกรุง ให้ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด มาจัดการปัญหาการเมือง
ย้ำ เพื่อไทย ค้านจัดซื้อ 'เรือดำ' หัวชนฝา พร้อมเตรียมชำแหละในเวทีสภา
อนุสรณ์ แถลงถึงการจะซื้อเรือดำน้ำ ที่มีกระแสต่อต้านจำนวนมากแม้แต่ ส.ส.ในฝั่งรัฐบาลเองบางส่วน โดยพรรคเพื่อไทยขอคัดค้าน และหากผู้มีอำนาจยังจะเดินหน้าโครงการ เชื่อว่าประชาชนจะลงถนนออกมาต่อต้านทั่วประเทศ ซึ่งไม่ว่าจะซื้อแบบ 2 แถม 1 หรือซื้อทั้ง 3 ลำก็เป็นวงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาทอยู่ดี ทำให้เห็นวัตถุประสงค์ผู้ที่ต้องชอปปิงเรือดำน้ำ ว่าต้องใช้วงเงินนี้ ขาดไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ขณะที่หากมีการซื้อเรือดำน้ำจีนซึ่งเป็นเรือเครื่องยนต์ดีเซลจริง ก็ไม่รู้ว่าจะส่งมอบได้วันไหน ท่ามกลางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไป มีถึงเรือดำน้ำล่องหนหรือเรือดำน้ำจิ๋วแล้ว
ส่วนข้ออ้างที่ออกมานั้นฟังไม่ได้หรือฟังยาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ 'เพื่อนบ้านมีเราต้องมีให้เขาเกรงใจ' หรือแม้แต่พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัญญาไว้แล้วจะเบี้ยวไม่ได้ จึงมีข้อสังเกตว่า ทำไมพล.อ.ประยุทธ์ สัญญากับคนไทยแล้วไม่เคยทำ ดังนั้นการไปสัญญากับประเทศจีน ก็ไม่ต้องไปคิดมาก
ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า จะคัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำที่เหลือจากจีนอย่างถึงที่สุด ทั้งในวาระที่ 2 หรือในชั้นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณปี 2564 ชุดใหญ่ พร้อมทั้งจะอภิปรายโดยไม่ลงมติในสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
