สถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวภายหลังเข้าแจ้งความดำเนินคดีและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม กรณีมีการขุดเจาะ ปักหมุดที่เรียกว่า หมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ของการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ว่า วันนี้ได้รับการเร่งรัดจากอธิบดีกรมศิลปากร ให้แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เข้าร่วมชุมนุมและทำการฝังหมุดลงบนพื้นภายในท้องสนามหลวงโดนนำหลักฐานเป็นเอกสารขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน และ ภาพถ่ายขณะขุดเจาะพื้น ที่ปรากฎตามสื่อมวลชน มามอบให้กับตำรวจสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม
ขณะนี้พบความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 10 ห้ามไม่ให้ผู้ใดซ่อมแซมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือถอนต่อเติมทำลายหรือเคลื่อนย้ายสิ่งใดๆ ภายในพื้นที่โบราณสถาน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนข้อหาบุกรุกสถานที่นั้นจากการพูดคุยกับตำรวจเบื้องต้นยังไม่พบความผิดชัดเจนต้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาถึงความผิดอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนกรณีที่หมุดถูกรื้อถอนไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ระบุว่าไม่ทราบว่าหน่วยงานไหน หรือ ใคร เป็นผู้รื้อถอนไป ยืนยันว่าการดำเนินคดีครั้งนี้เป็นการดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ฝังหมุดที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 20 ก.ย.เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ยืนยันการเข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ไม่ได้รับความกดดันจากฝ่ายใด เป็นไปตามกรอบของกฎหมายที่สามารถทำได้ และไม่ได้เข้าข้างใดข้างหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง