ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมอภิปราย "ถอดบทเรียนซีพีควบรวมเทสโก้ ใครได้ใครเสีย ?" ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.
ศิริกัญญา กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันพุธที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจเชิญ คณะกรรมการแข่งขันการค้า (กขค.) มาชี้แจง แต่ทางประธานคณะกรรมการแข่งขันการค้าได้มอบหมายให้ทางเลขาธิการสำนักงานแข่งขันทางการค้ามาตอบชี้แจงแทน ซึ่งในหลายคำถามที่ทางกรรมาธิการได้สอบถาม ทางเลขาธิการฯ มักกล่าวอ้างเรื่องยังไม่สามารถตอบชี้แจงลงรายละเอียดได้ต้องรอคำวินิจฉัยฉบับเต็มเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม คงต้องตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินอนุญาตให้มีการควบรวมกิจการมาแล้ว 2-3 สัปดาห์ แต่คำวินิจฉัยฉบับเต็มกลับยังไม่ออกมา ทำให้สังคมยังไม่ได้รับคำตอบ ทั้งเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของคณะกรรมการที่ตัดสินใจเช่นนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้จึงส่งผลทำให้การวิเคราะห์ยังคงทำได้จำกัด
“การเปิดเผยคำวินิจฉัยฉบับสมบูรณ์เป็นเรื่องสำคัญ แต่ทางเลขาธิการฯ ได้ชี้แจงในวันนั้นว่าทางคณะกรรมการมีนโยบายว่าจะไม่เปิดเผยฉบับเต็ม หากไม่มีการร้องขอ จะเปิดแค่คำวินิจฉัยฉบับย่อเท่านั้น แต่ก็พบว่าที่ผ่านมาแม้แต่คำวินิจฉัยฉบับย่อก็ไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด เช่น คำวินิจฉัยกรณีโอสถสภาที่กรณีนั้นเป็นคดีใหญ่ มีการปรับเงินกัน แต่ก็ยังไม่ได้มีการเปิดเผยทั้งคำวินิจฉัยฉบับเต็มและฉบับย่อแต่อย่างใด ซึ่งการทำงานของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าและสำนักงานฯ จำเป็นต้องโปร่งใส และมีความน่าเชื่อถือ เพราะจะเป็นจิตวิทยาทางสังคมที่มีต่อความสำคัญของคณะกรรมการฯ ว่ามีมากน้อยเพียงใด
"หากโปร่งใสมาก ก็ยิ่งได้รับความเชื่อถือ เป็นการตั้งมาตรฐานในการทำงาน เมื่อคนเชื่อถือ ต่อไปหน่วยงานต่างๆ สาธารณชนก็จะรับฟังความเห็นแล้วนำไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจต่างๆด้วย แต่หากไม่น่าเชื่อถือแล้ว คนไม่เชื่อ ก็จะส่งผลเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ" ศิริกัญญา กล่าว
ศิริกัญญา ยังกล่าวด้วยว่า ประเด็นที่มีการพิจารณาและอภิปรายกันในวันนั้น ประเด็นเรื่องขอบเขตตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจำเป็นต้องนิยามให้ชัดว่า กำลังพูดถึงตลาดอะไร ได้มีการสอบถามกับทางเลขาธิการสำนักงานแข่งขันทางการค้าว่าคณะกรรมการแข่งขันการค้าใช้คำนิยามตลาดอย่างไรในการพิจารณา
คำตอบที่ได้รับคือทางคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าแบ่งตลาดออกเป็น 2 ตลาดใหญ่ๆ คือ ตลาดค้าส่งและตลาดค้าปลีก
โดยตลาดค้าส่งประกอบด้วยผู้เล่นคือแมคโครและผู้ค้าส่งในท้องถิ่น และในตลาดค้าปลีกนั้นสามารถแบ่งออกต่อไปได้อีก 3 ตลาดคือ
1.ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) โดยเทสโก้ โลตัส อยู่ในตลาดนี้
2.ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) ตลาดโลตัสอยู่ในตลาดนี้
3.ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) มี 7-11 และโลตัส เอ็กเพรส อยู่ในตลาดนี้
“การแบ่งแบบนี้ทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีการไปตีความว่าโครงสร้างตลาดของหลายๆ ตลาดไม่เปลี่ยนหลังการควบรวมกิจการ โดยมีการบอกว่าโครงสร้างตลาดจะเปลี่ยนมีเพียงตลาดค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อเท่านั้น ทำให้ตลาดอื่นๆ ไม่ถูกนำเอามาพิจารณาผลกระทบเพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดหลังการควบรวม
โดยทางเลขาธิการฯ ยอมรับว่าตลาดค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อมีอำนาจเหนือตลาดจริงเพราะภายหลังการควบรวมร้านค้าสะดวกซื้อที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในประเทศไทย อย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่นที่เป็นของบริษัท ซี.พี. รีเทลฯ และร้านค้าที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 อย่างร้านเทสโก้ เอ็กเพรส ที่เป็นของบริษัทเทสโก้ สโตร์สฯ รวมกันเป็นเจ้าของเดียวกันส่งผลให้เป็นการเพิ่มการกระจุกตัว ลดการแข่งขัน
ทั้งนี้การที่ไปตีความว่าแมคโครที่เป็นของบริษัท ซี.พี. อยู่ในขอบเขตตลาดแบบค้าส่ง ทำให้ไม่ได้เอามาพิจารณาผลกระทบและพิจารณาอำนาจเหนือตลาด ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพฤติกรรมผู้บริโภคหลายๆ ครั้งก็มีการไปซื้อที่ไหนก็ได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยราคาถูกหรือใกล้ที่พักอาศัย นั่นหมายความว่าอาจเป็นตลาดที่ทดแทนกันได้ โดยแม้ว่าแมคโครจะมีการขายแบบเป็นโหลและยกแพคสินค้าก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช่ตลาดที่ทดแทนกันได้ จึงจำเป็นต้องมาพิจารณาผลกระทบด้วย” ศิริกัญญา กล่าว
ศิริกัญญา ยังแสดงความห่วงใยต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จากการที่ทางคณะกรรมการไม่ได้ไปสำรวจตลาดเชิงภูมิศาสตร์ โดยกล่าวว่า ตลาดภูมิศาสตร์จำเป็นต้องไปดูด้วย โดยการไปดูในแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด ไม่สามารถดูเฉพาะตลาดทั้งประเทศได้เท่านั้น ซึ่งทางเลขาธิการได้ชี้แจงต่อประเด็นนี้ว่าที่ทำไม่ได้เพราะกฎหมายกำหนดให้เวลาไว้เพียง 90 วันและขยายได้ไม่เกิน 15 วัน ทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปดูได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจได้เชิญเลขาธิการเข้ามาชี้แจง มีพบเจอกันมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งการพบเจอกันในครั้งแรกก็ได้มีการพูดคุยกันว่าทางสำนักงานคณะกรรมการฯต้องทำงานเชิงรุก ต้องไปศึกษาตลาดที่สุ่มเสี่ยงจะใช้อำนาจเหนือตลาดของธุรกิจรายใหญ่ด้วย และได้มีการสอบถามไปด้วยว่ามีตลาดใดบ้างที่มีความสุ่มเสี่ยง และเริ่มทำไปบ้างแล้วหรือไม่ ทางเลขาธิการฯ ได้ชี้แจงว่าได้มีการจ้างที่ปรึกษาให้ไปศึกษาแล้วว่าต้องสำรวจตลาดใดบ้าง
เมื่อพบกันครั้งต่อมาทางเลขาธิการฯ ก็มีการชี้แจงว่าทางที่ปรึกษาได้ทำเสร็จแล้ว พบว่ามี 6 ตลาดที่มีความสุ่มเสี่ยงซึ่งตลาดค้าปลีกเป็นหนึ่งในนั้น แต่สุดท้ายก็อาจไม่ได้ลงไปศึกษาในรายละเอียดต่อแต่อย่างใด
ทั้งนี้เรื่องกรอบเวลา 90 วันอาจจะเป็นปัญหาจริง แต่หากทำงานเชิงรุกและมีการเตรียมการก่อนหน้านี้อาจจะสามารถศึกษาได้ทัน นอกจากนี้ในประเด็นเรื่องตลาดทางภูมิศาสตร์ ทางเลขาธิการฯได้กล่าวอ้างว่าทางคณะกรรมการได้พิจารณาชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าในประเด็นนี้ไม่ได้มีอำนาจเหนือตลาดในระดับพื้นที่เพราะราคาถูกกำหนดมาจากส่วนกลาง ซึ่งแท้จริงแล้วมีบางอย่างที่เป็นปัจจัยในระดับท้องถิ่นที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ถ้าเกิดการแข่งขันน้อย อาจจะส่งผลต่อการจ้างพนักงานน้อยลง การบริการแย่ลง สินค้าอาจจะสดใหม่น้อยลง ระยะเวลาเปิดปิดก็อาจจะไม่เท่ากัน รวมถึงอาจมีการพิจารณาปิดสาขาบางสาขาที่เมื่อมาดูแล้วทำยอดขายได้ไม่มาก เพื่อเหลือร้านค้าในเครือเพียงอันใดอันหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อทางเลือกและโอกาสของผู้บริโภคทั้งนั้น อีกทั้งก็ไม่ได้มีการไปตั้งเงื่อนไขเรื่องนี้ตามหลังออกมาเพื่อป้องกันผลกระทบ เช่น จำเป็นต้องตั้งเงื่อนไขว่าห้ามตั้งราคาแต่ละพื้นที่ให้ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น ราคาหมูแต่ละพื้นที่ของห้างบางเจ้าไม่เท่ากัน รวมทั้งหากย้อนกลับไป การที่ไม่ได้มีการสำรวจข้อมูลตลาดก่อนว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นดังสมมติฐานของคณะกรรมการหรือไม่ จะส่งผลที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจหากสมมติฐานที่ตั้งไว้กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกัน
ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า จากที่มีการพูดคุยและสอบถามกันในคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจต่อกรณีการควบรวมครั้งนี้ การอุทธรณ์จะทำได้ก็แต่บริษัทซีพีเท่านั้นหากไม่พอใจคำตัดสินของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า สามารถยื่นอุทธรณ์ได้แต่ต้องทำภายใน 60 วัน ซึ่งก็เข้าใจว่าทางซีพีไม่น่าจะอุทธรณ์คำตัดสินแต่อย่างใด ในกรณีของประชาชนที่ทำได้หากไม่พอใจคำตัดสินของคณะกรรมการฯ คือการไปฟ้องต่อศาลปกครอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือทางศาลปกครองอาจยกคำร้องหรือตัดสินว่าประชาชนไม่ใช่ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกรณีที่ประชาชนรวมตัวกันฟ้องศาลปกครองเรื่อง CL ยา ศาลปกครองก็อาจจะวางบรรทัดฐานคล้ายๆ แบบนี้ก็ได้
อย่างไรก็ตามตนเองในฐานะผู้แทนราษฎรและเป็นประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ ก็จะใช้กลไกที่มีอยู่ทำการตรวจสอบอย่างเต็มที่ เพราะกลไกรัฐสภาอาจเป็นกลไกเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้ แต่ด้วยอำนาจของคณะกรรมาธิการที่มีอยู่อาจกำกับดูแลได้ห่างๆ สำนักงานแข่งขันทางการค้าก็มีสถานะพิเศษไม่ได้สังกัดกรมหรือกระทรวงใด ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และในส่วนของคณะกรรมการเองก็มีความเป็นอิสระ ซึ่งเราก็อยากให้ทั้งกรรมการและสำนักงานดำรงความอิสระแต่ต้องไม่อยู่เหนือการตรวจสอบ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือช่วยกันคิดในโจทย์ที่ว่าใครจะเป็นผู้มากำกับดูแลองค์กรและคณะกรรมการที่อิสระเหล่านี้ นอกจากนี้ในส่วนของการทำงานของคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจก็เตรียมที่จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.การแข่งขันการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งกลไกนี้ก็จะเป็นทางออกหนึ่ง รวมทั้งสิ่งที่ต้องคิดและลงมือทำเพิ่มด้วยคือการต้องมีกลไกอื่นๆ ที่ช่วยให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น กรณีของซัพพายเออร์ (Supplier) ที่มีข้อกังวลต่างๆ ต้องสามารถออกมาพูดเสนอแนะได้โดยที่จะไม่ได้รับผลกระทบและมีปัญหากับคู่ค้าซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยเองก็จำเป็นต้องมีกลไกสนับสนุนภาคประชาชน เช่น สนับสนุนข้อมูลต่างๆ หากภาคประชาชนต้องการที่จะฟ้องร้องเมื่อได้รับผลกระทบกับการควบรวมกิจการ
สำหรับกรณีการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้น จำกัด และบริษัทเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) หรือซีพี-เทสโก้ ครั้งนี้ผู้ขอซื้อกิจการเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-11 จำนวน 11,712 สาขาและร้านค้าส่งรายใหญ่อย่างแม็คโคร 129 สาขาทั่วประเทศไทย ส่วนเทสโก้ ผู้ขายกิจการ เป็นเจ้าของ เทสโก้ โลตัส ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 214 สาขา ตลาดโลตัส 179 สาขา เทสโก้ เอ็กซ์เพรส 1,574 สาขา นอกจากนี้ยังเช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าอีก 191 สาขาด้วย มีการประเมินกันว่าการซื้อขายดีลนี้มีมูลค่าสูงถึง 3.3 แสนล้านบาทและถือเป็นหนึ่งในการควบรวมกิจการที่ใหญ่ที่สุดในโลก