วันที่ 9 ธ.ค. พรรคก้าวไกลแถลงนโยบาย 'ราชการไทยก้าวหน้า' เพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน เพิ่มประสิทธิภาพราชการ และ ปฏิรูประบบตำรวจ โดยเป็นเสาหลักนโยบายที่ 4 จากทั้งหมด 9 เสาหลัก ต่อจาก 'การเมืองไทยก้าวหน้า – สวัสดิการไทยก้าวหน้า – ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า'
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า หัวใจสำคัญของนโยบายราชการไทยก้าวหน้า คือมุ่งสร้างรัฐบาล 3 ป. ประกอบด้วย 1) โปร่งใส 2) มีประสิทธิภาพ และ 3) ปกป้องประชาชนให้ปลอดภัยได้ ไม่ใช่รัฐบาล 3 ป. แบบที่อยู่กับเราตลอดมาทุกวันนี้
ทั้งนี้ ยังเน้นไปที่การสร้างระบบโปร่งใส ให้โกงไม่ได้ หรือโกงแล้วไม่รอด ใช้ระบบ AI ปักธงแดงโครงการที่เสี่ยงต่อการโกง รวมถึงตัดทอนกฎหมายให้กระชับรวดเร็วขึ้น เพื่อให้ข้าราชการทำงานได้ฉับไว และต้องคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้เจ้าหน้าที่ ขจัดระบบตั๋วช้าง ให้สามารถเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างแท้จริง
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอแนวนโยบาย 'โปร่งใส' โดยระบุว่า ระบบที่ดี คือระบบที่โกงไม่ได้ ต้องเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึงข้อมูลของทุกหน่วยงานได้ทั้งหมด หรือ Open by Default อาจมีบางหน่วยงาน ต้องขอร้องให้เป็นข้อมูลลับ โดยต้องมีเหตุผลที่สมควรเท่านั้น
การเปิดข้อมูลทั้งหมดเป็น Open Data สะดวกต่อประชาชนเข้าถึง และนำไปวิเคราะห์ต่อได้ ว่าจะนำไปสู่การทุจริตหรือไม่ ซึ่งจะทำให้หน่วยงานรัฐและกระทรวงต่างๆ ต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะรู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกจับตามองอยู่ สามารถเปิดใช้ได้ภายใน 1 ปี และเสร็จสมบูรณ์ทั้งระบบภายใน 2 ปี หลังพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล
ด้าน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ย้ำการเสริมประสิทธิภาพด้วยการปฏิรูประบบราชการให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน ให้การติดต่อดำเนินการกับภาครัฐทุกอย่างควรต้องทำได้บนมือถือ โดยอาศัย Super App ไม่จำเป็นต้องมีถึง 255 แอพฯ ของรัฐบาลที่ขาดความเชื่อมโยงกัน
และยังต้องบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐไว้ด้วยกัน ให้ประชาชนสามารถร้องขอสวัสดิการจากรัฐได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนหลายขั้นตอน อีกทั้งยังเสนอให้ตัดตอนกฎหมาย ยกเลิกใบอนุญาต กฎระเบียบที่ไม่จำเป็น และสร้างอุปสรรคต่อกระบวนการ พร้อมย้ำว่าใบอนุญาตที่ไมาจำเป็น อย่างน้อย 50% จะถูกตัดออกไป เมื่อพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล
ขณะที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้ว่า ปัจจุบันมีการสร้างระบบเส้นสาย ตั๋วต่างๆ ทำให้ตำรวจไม่สนใจการสืบสวนคดีหรือทำงานที่เป็นของตำรวจจริงๆ แต่กลับไปรีดไถ รับสินบน ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บ่อนการพนัน และการค้ามนุษย์ จึงเสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ทั้งใน ‘ระดับประเทศ’ ที่จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คอยป้องกันการใช้เส้นสาย ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องทำงานอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา
เสนอให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างเด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจโดยขึ้นตรงต่อรัฐสภาและมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ยึดโยงกับประชาชน เพื่อขจัดปัญหาประโยชน์ทับซ้อนของตำรวจที่อาจช่วยเหลือกันเอง ยกเลิกการบังคับตำรวจตัดผมเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาเป็นการอบรมด้านสิทธิมนุษยชนและและคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในสังคม
สำหรับชุดนโยบาย “ราชการไทยไทยก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล แบ่งเป็น 3 ด้าน มีทั้งหมด 23 นโยบาย ได้แก่
1. เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ
2. ระบบจับโกงอัจฉริยะ
3. โครงการ “คนโกงวงแตก” จูงใจให้คนที่คิดจะโกง ระแวงกันเอง
4. โครงการ “แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน”
5. ตัวแทนจับโกงจากประชาชน
6. ห้ามใช้เงินหลวง โปรโมทตัวเอง
7. ป.ป.ช. ยึดโยงประชาชน
1. ทุกบริการภาครัฐ ผ่านมือถือ
2. ร้องเรียนไป ต้องไม่เงียบ อัพเดททุกขั้นตอน
3. สวัสดิการโอนเข้าอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน
4. ยกเลิกใบอนุญาต 50% ยกเลิกทุกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค
5. รู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน
6. ยกเครื่องประเมินข้าราชการ ทำงานดี ข้าราชการได้ดี ประชาชนได้ดี
7. ปลดล็อกส่วนกลาง ข้าราชการทีมไทยแลนด์ ทลายกำแพงระหว่างกระทรวง-กรม
8. งบประมาณปรับทันใจ จัดทำใหม่จากศูนย์ในทุกๆปี (zero-based budgeting)
1. ผบ.ตร. ยึดโยงประชาชน ผ่านสภาผู้แทนราษฎร
2. ผู้ตรวจการตำรวจ ประชาชนมีช่องทางร้องเรียนตำรวจได้
3. จังหวัด-ตำรวจ ร่วมรับใช้ประชาชน
4. เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ปราศจากตั๋ว-เส้นสาย
5. ลดภาระพนักงานสอบสวน แบ่งงานให้ตำรวจสายอื่น
6. ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็น ผบ.ตร. ได้
7. คืนผมให้ตำรวจ ไม่บังคับเกรียน
8. คุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีตำรวจทุกระดับ