นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า แม้จะเข้าสู่ปีใหม่แต่คนไทยก็ยังไร้ความหวังเพราะยังมีผู้นำคนเก่า ใช้นโยบายเก่า ๆ หรือบริหารแบบเก่า ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดตามชะตากรรม รอนโยบายการช่วยเหลือจากภาครัฐที่ไม่ทันกาลและไม่ทั่วถึง ยิ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอีกครั้ง ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนที่ยังไม่ฟื้นตัวดีจากการระบาดของเชื้อโควิดในครั้งแรก

“ดูได้จากการรับมือการแพร่ระบาดรอบ 2 ที่รัฐบาลถนัดแต่การออกมาตรการควบคุม ออกคำสั่งปิดกิจการห้างร้านต่างๆ แต่กลับไม่มีแผนการณ์ทางด้านเศรษฐกิจรองรับหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้าทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถวางแผนไว้ก่อน โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ที่ผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ ได้ลงทุนซื้อวัตถุดิบเอาไว้เป็นจำนวนมาก แต่อยู่ๆ รัฐบาลบอกว่าจะไม่ให้นั่งกินในร้านให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านเท่านั้น ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งๆ ที่ร้านอาหารไม่ใช่ต้นเหตุของการแพร่ระบาด” นภาพรกล่าว

นภาพร กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบเดิม อ้างจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินคุมโควิด แต่ยังคงทำงานแบบล่าช้าไม่ทันสถานการณ์ ไม่วางแผนล่วงหน้า คิดแต่แก้ปัญหาแบบวันต่อวัน ดูได้จากการยื่นข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการด้านต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลช่วยเหลือ แทนที่จะได้คำตอบทันทีจากผู้นำประเทศ ก็กลับต้องรอการประชุมในสัปดาห์ถัดๆ ไป ซึ่งไม่เท่าทันต่อความเดือดร้อนของพวกเขา 

"แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ได้ตามฉายาที่นักข่าวตั้งให้ว่า ตู่ไม่รู้ล้ม แต่ตอนนี้คนทั้งประเทศกำลังจะล้มเพราะบิ๊กตู่ หากยังบริหารงานแบบเดิม ฟังแต่คนที่อยากฟังเหมือนเดิม ประชุมแก้โควิด-19 สัปดาห์ละครั้ง สองครั้ง เหมือนเดิมหรือกู้มาแจกเหมือนเดิม ก็ไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาที่สลับซับซ้อนและต้องใช้ความรวดเร็วในการจัดการได้ จึงถือเป็นวิบากกรรมของคนไทยที่ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไป" นภาพร กล่าว