ไม่พบผลการค้นหา
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่หาเสียง ม.สวนดุสิต ชวนชูสามนิ้ว ปลุกต้านเผด็จการ ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย-สังคมที่เท่าเทียมให้เกิดขึ้นจริงในสังคม

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยแกนนำพรรค ลงพื้นที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เพื่อพบปะกับนักศึกษาและประชาชนละแวกชุมชนสวนอ้อย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักแม้อากาศจะร้อนอบอ้าว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้ง มีนักศึกษามาหลายสิบคนมายืนรอรับล่วงหน้า ตะโกน 'ฟ้ารักพ่อ' นำน้ำมาให้ดื่ม ใช้ทิชชู่เช็ดเหงื่อให้ พร้อมพูดคุยทักทายจำนวนมาก จนต้องจัดแถวต่อคิวเซลฟี่กับนายธนาธรนานนับชั่วโมง

โดยมีรายหนึ่งขอให้ชู 2 นิ้ว แต่นายธนาธรทำท่าชู 3 นิ้ว อันหมายถึงสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ ซึ่งนักศึกษาทุกคนก็พร้อมใจกันทำตาม นอกจากนี้ระหว่างการเดินพบปะประชาชนนักศึกษาพ่อค้าแม่ค้าวินมอเตอร์ไซค์นายธนาธรยังได้แนะนำให้ร่วมกันศึกษานโยบายของอนาคตใหม��ก่อนตัดสินใจไปเลือกตั้งด้วย 

จากนั้นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชวนนักศึกษาล้อมวง ก่อนกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงขนาดเล็ก รณรงค์ปลุกใจให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. นี้ ใจความว่า อีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้งแล้ว น้องนิสิตนักศึกษาทุกคนถือเป็นคนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 18-25 ปี ที่เกิดมาโดยไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่โตขึ้นมาก็ต้องมาพบกับความขัดแย้งที่เราไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งคนขัดแย้งทิ้งมรดกบาปไว้ให้ โดยความขัดแย้งทางการเมือง ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไม่มีความสามารถในการแข่งขัน การเจริญเติบโตถดถอยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเราเรียนจบออกมาจะทำงานอะไร คนที่รับความซวยคือพวกเราที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง คนที่ต้องกำหนดอนาคต 20 ปี พวกเราต้องเป็นคนกำหนดเอง อย่ายอมให้ที่คนยึดอำนาจเข้ามา กำหนดอนาคตให้เรา 

"ต้องใช้การเลือกตั้งให้เป็นประโยชน์ เพื่อส่งเสียงคนรุ่นใหม่ให้ดังว่า เราพร้อมแล้ว คนอายุระหว่าง 18-25 ปี มี 8 ล้านเสียง คิดเป็น 1 ใน 8 ของจำนวนส.ส.ในสภา หรือ 62 ส.ส. ถือว่า มีความหมายมาก อย่าไปเชื่อว่าไม่มีความเหมาย เสียงของเราเปลี่ยนประเทศไทยได้ อนาคตใหม่มุ่งมั่นที่จะเอาสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นธรรมกลับคืนมาให้สังคมไทย ใครฝันเหมือนกันให้มาร่วมลองทำกันให้ได้สักครั้ง สร้างสังคมที่เท่าเทียมให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย มาร่วมกันทำภารกิจเมื่อพ.ศ. 2475 เพื่อให้ประชาธิปไตยยั่งยืนกัน ซึ่ง 86 ปี ยังทำไม่สำเร็จ ให้สำเร็จกันสักครั้ง" นายธนาธรกล่าว 

ต่อมาเวลา 13.00 น. นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการหาเสียงช่วงสุดท้าย ว่า ตอนนี้ตนคิวแน่นมาก ตารางลงพื้นที่หาเสียงแน่นแล้วจนถึงวันที่ 10 มี.ค. ซึ่งตนและทีมงานอยู่ระหว่างการออกแบบกิจกรรมช่วงสุดท้ายระหว่างวันที่ 11-22 มี.ค.นี้อยู่ ซึ่งจะเน้นการลงพื้นที่อย่างหนัก แบ่งเวลาออกสื่อ พบปะประชาชน เพราะการรจับมือ หรือสบตา ที่สื่อถึงความจริงใจ จะช่วยแปรคะแนนเสียงในออนไลน์ ให้เป็นคะแนนเสียงในวันเลือกตั้งได้

ทั้งนี้ไม่กังวลต่อคดีในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ทุกคนในพรรคทดแทนกันได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นความเป็นพรรคอนาคตใหม่จะดำรงอยู่ต่อไป ส่วนกระแสตอบรับจากคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดีนั้นขอขอบคุณทุกคนมาก แต่ยืนยันว่า อนาคตใหม่ให้ความสนใจกลุ่มคนทุกช่วงวัย เราลงพื้นที้ต่างจังหวัดตามตลาดนัด ก็มีทั้งวัยทำงานและสูงอายุ แน่นอนเราสนใจคนรุ่นใหม่มากก็เพราะ คนกลุ่มนี้พร้อมเปิดกว้างรับแนวความคิดที่ก้าวหน้าได้ 

เมื่อถามถึงการชี้แจงจากกองทัพว่า งบประมาณได้รับมาจากฝ่ายการเมืองไม่เกี่ยวกับทหาร นายธนาธร กล่าวว่า เป็นภาระของรัฐบาลพลเรือนในอนาคต กระแสการปฏิรูปกองทัพที่ทุกพรรคการเมืองพูดถึงในตอนนี้ แสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ ก่อนหน้า 2-3 เดือนทุกคนต่างบอกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันทำไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้กลายเป็นวาระหลักของสังคม แต่เมื่อเราร่วมกันผลักดันรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างก็เป็นไปได้ นี่คือสิ่งที่อนาคตใหม่ต้องการ