เมื่อวาน (4 ส.ค. 2565) ที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ธนาคารกสิกรไทยแถลงข่าวการเปิดตัวสาขาใหม่ล่าสุดในนครโฮจิมินห์ พร้อมประกาศเป้าหมายธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3 รุกตลาดเวียดนามเต็มตัว ส่งมอบบริการเข้าถึงผู้ใช้งานในท้องถิ่นด้วยเทคโนโลยีแบบชาเลนเจอร์แบงก์ เล็งทุ่มงบกว่า 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมแกร่งเครือข่ายบริการในภูมิภาค ตั้งเป้าในปี 2566 กวาดยอดสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท และลูกค้าบุคคล 1.2 ล้านราย
ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า ประเทศเวียดนามมีศักยภาพที่ดีมาก ในแง่ของการเติบโตและประคองตัวด้านเศรษฐกิจ รวมไปถึงศักยภาพของบุคลากรคนและเทคโนโลยีที่น่าเชื่อมั่น สำหรับสาขาใหม่ในประเทศเวียดนามนี้ มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าทั้งชาวเวียดนาม ตลอดจนชาวไทยที่ลงทุน ทำงาน หรืออาศัยในประเทศเวียดนามด้วย
ขัตติยา ยังมองว่า คุณลักษณะสำคัญอีกประการบของผู้บริโภคชาวเวียดนาม คือเป็นประชากรที่มีความคุ้นเคยกับดิจิตอล จึงคาดหวังว่าแอพลิเคชัน K Plus Vietnam ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในโอกาสนี้ด้วย จะได้รับผลตอบรับที่ดีในประเทศเวียดนามเช่นกัน หลังจากแอพฯ ดังกล่าวได้คว้าอันดับ 1 ในประเทศไทยมาแล้ว และยังสามารถต่อยอดจากประสบการณ์ในเวียดนาม ไปพัฒนาบริการในประเทศอื่นๆ รวมถึงที่ไทยได้อีกด้วย
สำหรับเป้าหมายในอนาคตนั้น ขัตติยา เผยว่า 3 ปีต่อจากนี้ ธนาคารจะเน้นการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เสริมทัพทีมงาน การลงทุนในสตาร์ทอัพ และเข้าซื้อกิจการ ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจที่ผสานด้วยดีเอ็นเอแห่งชาเลนเจอร์แบงก์ ส่งมอบบริการบนดิจิทัลสู่ผู้ใช้งานในท้องถิ่นได้อย่างคล่องตัวสูง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3
"การขยายธุรกิจไปในภูมิภาค ภายใน 3 ปีเราตั้งเป้าหมายว่าจะมีรายได้สุทธิ 5% ของรายได้ทั้งหมด และตอนนี้ 2 ปีที่ผ่านมา เราเห็นแล้วว่าเริ่มทำกำไรแล้วด้วย ในกลุ่มที่เป็น Regional Expansion"
ด้าน พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย มองว่า เวียดนามมีแนวโน้มเติบโตรวดเร็วที่สุดในอาเซียน เนื่องจากศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก ที่ผ่านมาแทบไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่ำกว่า 60% ของ GDP และยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะข้างหน้า คาดว่าภายในปี 2573 เวียดนามจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงและเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2588
ส่วนกลยุทธ์การทำธุรกิจในระดับภูมิภาค 3 แนวทาง ได้แก่ 1) รุกขยายสินเชื่อให้กับลูกค้าธุรกิจ (Aggressive Play) ทั้งลูกค้าที่เข้าไปลงทุนและลูกค้าท้องถิ่น 2) ขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรของธนาคาร (Mass Acquisition Play) โดยเน้นการให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล และต่อยอดไปสู่การเชื่อมต่อการทำธุรกรรมในระดับภูมิภาค ด้วยการเป็น Regional Payment Platform 3) พัฒนาการให้บริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ (Disruptive Play) โดยเฉพาะการให้สินเชื่อดิจิทัล ซึ่ง พิพิธ ชี้ว่า เวียดนามมีศักยภาพเพียงพอ ที่จะดำเนินกลยุทธ์ไปพร้อมกันได้ทั้ง 3 ด้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเครือข่ายการให้บริการในต่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง โดยมีสาขานครโฮจิมินห์เป็นสาขาล่าสุด มีสถาบันทางการเงินที่เป็นพันธมิตรกว่า 84 แห่งทั่วโลก เครือข่ายสตาร์ทอัพในภูมิภาคที่ธนาคารลงทุนและพันธมิตรรวมมากกว่า 20 ราย และมีฐานลูกค้าในภูมิภาคกว่า 1.85 ล้านคน
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทย สาขาล่าสุด ที่นครโฮจิมินฮ์ ตั้งอยู่ที่ Sun Wah Tower, 115 Nguyen Hue Boulevard, Ben Nghe Ward, District 1, Ho Chi Minh City, The Socialist Republic of Vietnam โดยจะมีพิธีเฉลิมฉลองการเปิดสาขาอย่างเป็นทางการ