รัสเซียกล่าวมานานแล้วว่า พวกเขากำลังเป็นผู้นำในการต่อสู้กับการครอบงำของสหรัฐฯ ในเวทีโลก และโต้แย้งว่าการโจมตีของยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้นั้น โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียกล่าวว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากดำเนินการโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่องนานกว่าหนึ่งปีทีผ่านมา โดยไม่เห็นทางออกทางการทูตใดๆ
“การเจรจาใดๆ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของรัสเซีย ความกังวลของรัสเซีย” ลาฟรอฟกล่าวเมื่อวันศุกร์ (7 เม.ย.) หลังจากพบกับ เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตุรเคีย ในกรุงอังการา “มันควรจะเกี่ยวกับหลักการที่ระเบียบโลกใหม่จะยึดถือ” ลาฟรอฟกล่าวก่อนระบุเสริมว่า รัสเซียปฏิเสธ “ระเบียบโลกขั้วเดียวที่นำโดย 'เจ้าโลกคนเดียว'”
ทั้งนี้ คาวูโซกลู ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตุรเคีย อันเป็นประเทศเจ้าภาพการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนเมื่อปีที่แล้ว เรียกร้องให้ทั้งสองชาติมีการเริ่มการเจรจาอีกครั้ง และแสดง “ความกังวลว่าสงครามจะบานปลายในฤดูใบไม้ผลิ”
ในขณะเดียวกัน รัสเซียขู่ว่าพวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงธัญพืช ที่สหประชาชาติเป็นตัวกลางในการเจรจากับยูเครน เว้นแต่อุปสรรคในการส่งออกสินค้าเกษตรของรัสเซียจะถูกขจัดออกไป ในขณะที่ข้อสรุปจากการเจรจาในตุรเคียมีความเห็นพ้องกันว่า การขจัดอุปสรรคเป็นเงื่อนไขที่จำเป็น สำหรับการขยายข้อตกลงออกไปให้เกินเดือนหน้า
ทั้งนี้ ข้อตกลงธัญพืชนี้ช่วยรับประกันว่าธัญพืชและสินค้าอื่นๆ จากท่าเรือของยูเครน จะสามารถถูกขนส่งผ่านทะเลดำได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าจะมีการปิดล้อมทางเรือของรัสเซียก็ตาม
ข้อตกลงธัญญพืชทะเลดำ ซึ่งลงนามครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค. และต่ออายุข้อตกลงมาแล้วกว่าอีก 2 ครั้ง เป็นความพยายามของสหประชาชาติในการบรรเทาวิกฤตอาหาร ที่มีมาก่อนการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่กลับเลวร้ายลงด้วยสงครามที่ร้ายแรงที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
ลาฟรอฟกล่าวว่า เขาและคาวูโซกลูหารือกันถึง "ความล้มเหลว" ในการดำเนินการตามเงื่อนไขของข้อตกลง โดยเสริมว่ารัสเซียสามารถดำเนินการนอกข้อตกลงได้ หากประเทศตะวันตกยังคงรักษาสิ่งที่เขากล่าวว่าเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าเกษตรที่เข้มงวดขึ้นต่อรัสเซีย
คาวูโซกลูร่วมกับลาฟรอฟกล่าวในการแถลงข่าวว่า ตุรเคียมุ่งมั่นที่จะขยายข้อตกลงออกไปหลังกลางเดือน พ.ค. “เราให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของข้อตกลง… ไม่เพียงแต่สำหรับการส่งออกธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซียและยูเครนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการหยุดวิกฤตอาหารโลกด้วย” คาวูโซกลูกล่าว พร้อมระบุเสริมว่า “เรายังเห็นด้วยว่าควรขจัดอุปสรรค ในการส่งออกธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซีย ประเด็นต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เพื่อให้ข้อตกลงธัญพืชขยายออกไปอีก”
รัสเซียและยูเครนเป็น 2 ประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญที่สุดในโลก และเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด เรพซีด น้ำมันเรพซีด เมล็ดทานตะวัน และน้ำมันดอกทานตะวัน นอกจากนี้ รัสเซียยังครองตลาดปุ๋ยอีกด้วย แม้ว่าการส่งออกอาหารและปุ๋ยของรัสเซีย จะไม่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก แต่ทางการรัสเซียกล่าวว่าข้อจำกัดด้านการชำระเงิน การขนส่งโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมประกันภัยเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกอาหารและปุ๋ยของรัสเซีย
ที่มา: