รายงานระบุว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่สามารถยับยั้งได้ และกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ที่ออกมาในยุคของอาเดิร์น จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาสามารถหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ได้อย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ การประกาศการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ได้สร้างความตกใจและไม่พอใจให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในนิวซีแลนด์อย่างยิ่ง
จากการสร้างแบบจำลองด้านสาธารณสุขต่อการสูบบุหรี่ชี้ให้เห็นว่า กฎหมายปลอดบุหรี่ของนิวซีแลนด์สามารถช่วยชีวิตคนได้มากกว่า 5,000 ชีวิตต่อปี โดย ฮาปาอิ เต ฮาอูโอรา องค์กรด้านสุขภาพแห่งชาติของชาวเมารี ระบุว่าการยกเลิกกฎหมายปลอดบุหรี่โดยรัฐบาลใหม่ของนิวซีแลนด์เป็น "การทำลายสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชาวนิวซีแลนด์ทุกคนอย่างไร้เหตุผล"
นอกจากนี้ ปัญหาด้านอัตราการสูบบุหรี่ ความเกี่ยวข้องกับโรค และปัญหาทางด้านสุขภาพ ยังส่งผลกระทบต่อชนพื้นเมืองชาวเมารีมากที่สุด และผู้เชี่ยวชาญยังระบุด้วยว่ากฎหมายปลอดบุหรี่ของนิวซีแลนด์ จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อชาวเมารีมากที่สุดด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากการห้ามการขายบุหรี่ให้แก่คนรุ่นใหม่แล้ว กฎหมายปลอดบุหรี่ของนิวซีแลนด์ยังจะลบล้างผลิตภัณฑ์จากใบยาสูบทั้งหมดกว่า 90% ที่กำลังวางขายอยู่ในนิวซีแลนด์ทุกวันนี้ อีกทั้งยังจะมีการควบคุมปริมาณนิโคตินในบุหรี่ให้มีน้ออยลงด้วย
อย่างไรก็ดี นโยบายปลอดบุหรี่ในนิวซีแลนด์ถูกกลุ่มธุรกิจใบยาสูบวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าของร้านขายหนังสือพิมพ์และร้านขายของตามหัวมุมถนน ต่างวิพากษ์วิจารณ์การสูญเสียรายได้จากการขายยาสูบ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลก็ตาม นอกจากนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนิวซีแลนด์ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังกล่าวแย้งว่า การห้ามการสุบบุหรี่จะนำไปสู่ตลาดมืดยาสูบในประเทศ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 พ.ย.) นิโคลา วิลลิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์คนใหม่ กล่าวว่ารัฐบาลผสมชุดใหม่จะยกเลิกกฎหมายปลอดบุหรี่ดังกล่าวเพื่อช่วยกองทุนลดภาษี หลังจากทางพรรคของเธอได้ให้คำมั่นไว้ระหว่างการเลือกตั้ง แม้ว่าพรรคหลักของรัฐบาลอย่างพรรคเนชันแนล จะไม่ได้รณรงค์หาเสียงการยกเลิกกฎหมายปลอดบุหรี่ ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพตกตะลึงกับการตัดสินใจในครั้งนี้ของรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ในทางตรงกันข้าม ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ทิศทางดังกล่าวของรัฐบาลชุดใหม่ “ข้อเสนอแนะที่ว่าผู้ที่ยังคงสูบบุหรี่จะต้องจ่ายลดภาษีนั้นน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง” ศ.กิตติมศักดิ์ โรเบิร์ต บีเกิลโฮล ประธานคณะกรรมการปฏิบัติการปลอดบุหรี่ภายในปี 2025 ของนิวซีแลนด์ กล่าวกับ Pacific Media Network
การสร้างแบบจำลองด้านสาธารณสุขที่ทำขึ้นในปี 2565 แสดงให้เห็นว่านโยบายปลอดบุหรี่ จะช่วยประหยัดงบด้านระบบสาธารณสุขของนิวซีแลนด์ได้ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 2.78 หมื่นล้านบาท) ในอีก 20 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์ยังคงตั้งเป้าที่จะลดอัตราการสูบบุหรี่ของประเทศลงเหลือ 5% ภายในปี 2568 และมีเป้าหมายที่จะกำจัดอัตราการสูบบุหรี่ในประเทศโดยสิ้นเชิงในที่สุด ในขณะที่ข้อมูลระดับชาติแสดงให้เห็นว่า นิวซีแลนด์มีผู้ใหญ่มากกว่า 80,000 คนเลิกสูบบุหรี่ในปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมีประชากรผู้ใหญ๋ประมาณ 8% ที่ยังคงสูบบุหรี่อยู่
ที่มา: