ไม่พบผลการค้นหา
โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่ปล่อยแคมเปญสุดท้าย ด้วยคำขวัญ “อย่าให้การเมืองเก่า พาประเทศไทยกลับไปเหมือนเดิม” โดยเป็นสารทางการเมืองหลักที่ปูไปสู่วันเลือกตั้ง พร้อมเชิญชวนมวล Futurista จากทั่วประเทศร่วมการปราศรัยใหญ่ 22 มีนาคมนี้ที่ศูนย์ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง


https://lh5.googleusercontent.com/Oovj6CM7FRavm4-jg5Vp1bvINHy0Ppnbce6H3ulUg5VO0FYn6_HuvV1g8SxCEZvsW6O2MFUypIWYVm_swPt3lNWdr_48B3v6B3b3cjgOMnEDUmKNKi4mhiiKo9no4ej1eEBSs-9e



https://lh3.googleusercontent.com/ujRWewpaP39DSyKLSA9ag5RF2CiD81j2j_aSfRMsoJmauoS8UB2-LH4DQSANurdVgsKF3zOsuN71mO5Nfhf2Ind00g1WFD0vZKmfTOtC4L-G4Y5A4VWtJgNc5GDd6FyrTarxMz4Q

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 62 “ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่” ได้กลายเป็น “พรรคหลัก” ในการเมืองไทยไปเรียบร้อย ในทุกโพลของทุกสำนัก ธนาธร ติดลำดับต้นๆ เป็นนายกรัฐมนตรีในฝันของคนไทย ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ก็ติดลำดับต้นๆ ที่คนอยากเห็นเป็นรัฐบาล ทั้งหมดนี้ยิ่งทวีคูณหลังกระแส “ฟ้ารักพ่อ” “ฟ้ารักพ่อเพราะนโยบายของพ่อ” และการขึ้นผงาดเป็นอันดับ 1 ในทุกโพลในรั้วมหาวิทยาลัย

ในทุกเวทีดีเบต ธนาธรสามารถผลักดันคำถามสำคัญสู่พรรคการเมืองใหญ่พรรคอื่น โดยเฉพาะการผลักให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จนมุม ในเวทีดีเบตเดอะแสตนดาร์ดเมื่อสัปดาห์ก่อน ฉากปะทะนี้ยังจับใจอยู่เสมอ

“คำถามสำคัญคือ ไม่ใช่เอาหรือไม่เอาคุณประยุทธ์หรือเปล่า พอเห็นธนาธรพูดว่า ไม่เอาคุณประยุทธ์ แล้วสังคมสนับสนุนกัน ทุกคนก็ออกมาบอกว่า ไม่เอาคุณประยุทธ์”

“ผมว่าประเด็นใหญ่ไม่ใช่แค่ไม่เอาคุณประยุทธ์ แต่ต้องพูดว่าไม่เอาพลังประชารัฐด้วย ผมเชื่อว่า มีพรรคบางพรรคที่บอกว่าไม่เอาคุณประยุทธ์ แต่จะจับมือกับพลังประชารัฐ ถ้าชูตัวเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี”

หลังจากนั้นไม่นานนัก อภิสิทธิ์ขึ้นกล่าวปิดเวทีดีเบตด้วยการตอบคำถามที่ยากที่สุดในชีวิตคำถามหนึ่ง

พิธีกร ถามกลับมายังนายอภิสิทธิ์ว่า ถ้าคุณอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชารัฐคือสมการที่สำคัญ สุดท้ายจะดึงพลังประชารัฐหรือไม่

นายอภิสิทธิ์ตอบว่า “อยู่ที่เงื่อนไขที่ผมจะตั้งให้เขา แล้วเขาจะรับหรือไม่ ถ้ามีการสืบทอดอำนาจในรูปแบบใดใด ผมก็ปฏิเสธครับ ไม่มีการร่วมกัน”

สิ้นเสียงประโยคนี้ก้อนหินการเมืองตกไปยังอภิสิทธิ์ทันที เพราะในสภาพจริงทางการเมือง เป็นไปไม่ได้ ที่จะ “ไม่เอาประยุทธ์” แต่ “เอาพลังประชารัฐ” นับจากวันนั้นเป็นต้นมาแบรนด์ของ “อภิสิทธิ์-พรรคสีฟ้า” ก็เสื่อมเรื่อยมา

ในดีเบตเมื่อวานนี้ ไม่ได้ต่างไปจากวันก่อน ธนาธรยังคงเป็น “นักผลักเพดานการเมือง” กล่าวคือ ผลักให้พรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ ประกาศจุดยืน หรือเพดานทางการเมืองแบบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจำเป็น

เมื่อพิธีกรถามถึง รัฐธรรมนูญ 2560 ว่าจะแก้ไขหรือไม่ ธนาธรตอบชัดชัดว่า

“ด้วยความเคารพนะครับ ผมคิดว่าคำถามไกลไม่พอ เวลาถามว่าแก้ รัฐธรรมนูญ 2560 ต้องถามว่าจะแก้ทั้งฉบับรึเปล่า

มีคนตีกิน สัญญาว่าจะแก้ พอถึงเวลาแก้ แก้นิดหน่อยตรงนี้ แก้นิดหน่อยตรงโน้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มาจากประชาชน ทั้งที่มา เนื้อหา และกระบวนการ ถ้าแก้ ต้องแก้ทั้งฉบับ

นี่คือจุดยืนของอนาคตใหม่ และจุดยืนไม่ใช่จุดเดิน

จุดยืนคืออยู่เฉยๆ ตั้งแต่ตั้งพรรคมา 1 ปี พูดเหมือนเดิมตลอด ไม่ใช่เดินไปเดินมา ใกล้เลือกตั้งก็ไปทางนี้ที อีกสามเดือนก็เลี้ยวไปทางนี้ที แบบนี้เรียกจุดเดินไม่ใช่จุดยืน”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นาทีการนำเสนอเรื่อง “จุดยืนไม่ใช่จุดเดิน” เป็นการกระแทกไปยังอภิสิทธิ์โดยตรงในฐานะนักการเมืองที่พร้อมเปลี่ยนจุดยืนเสมอเพื่อให้ตัวเองมีที่ยืน

อีกหนึ่งหน เมื่อถามถึงการต้านรัฐประหาร คำตอบของธนาธร ก็ผลักเพดานทางการเมืองไปให้สูงยิ่งกว่าเคย นั่นคือชวนบรรดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นมาแสดงความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เพื่อต้านการรัฐประหาร

“เมื่อถึงจุดนี้ถ้าป้องกันไม่ได้ รัฐประหารเกิดขึ้นอีก พูดกันให้ชัดตรงนี้ เนติบริกรที่ไม่มีจรรยาบรรณ จะต้องบอกว่า รัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็ให้ส.ส. 500 คน นัดเปิดประชุมสภาเลย เพื่อยืนยันว่า รัฎฐาธิปัตย์ ยังอยู่ในสภา ถามว่ารัฏฐาธิปัตย์ที่ยึดอำนาจมาจะทำอย่างไร ที่ผ่านมา พรรคการเมืองไม่สู้ ปล่อยให้ประชาชนสู้อยู่ฝ่ายเดียว แต่ครั้งนี้พรรคการเมือง นำโดยอนาคตใหม่จะสู้ ยืนยันว่า รัฎฐาธิปัตย์จะอยู่ที่สภา คณะรัฐประหารจะยิง 500 ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ เอาสิผมตั้งพรรคการเมือง ผมก็เตรียมใจมาพอสมควรเหมือนกัน

ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่ทำรัฐประหารครั้งหน้า คุณอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งเป็นทั้งผู้บัญชาการทหารบก และผู้นำคณะรัฐประหาร จะกล้ายิง คุณสุดารัตน์ คุณอภิสิทธิ์ คุณธนาธร รึเปล่า

ถ้าเรายืนยันว่า รัฎฐาธิปัตย์ ยังอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร ดูสิจะจัดการยังไงกับเรา ต่อสู้ด้วยสันติวิธี ต่อสู้ด้วยวิถีสภา อย่าให้ประชาชนลงถนน เพราะเมื่อประชาชนลงถนนจะเกิดการตายฟรีบนถนนอีก”

สิ้นเสียงประโยคนี้เสียงปรบมือกึกก้องลานโพธิ์

ในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง 2562 ดูเหมือนหมัดเด็ดของธนาธร จะยิงตรงไปที่ พรรคการเมืองที่ไร้จุดยืนในทางการเมือง เขาบีบให้หลายพรรคการเมืองแสดงจุดยืนให้ชัด

ไม่เพียงเป็นการนิยามความหมายของ “การเมืองใหม่” ให้ชัด ว่าหมายถึงการเมืองที่มีจุดยืนและหลักชัดเจน ไม่ซุกซ่อนไพ่ใบไหนไว้ในมือ

ในโค้งสุดท้าย ธนาธรยังสร้างมาตรฐานของการเมืองใหม่ด้วยการ โยกทรัพย์สิน 5 พันล้านให้ blind trust (บุคคลที่ 3) ดูแล เพื่อป้องกันการครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

เงื่อนไขที่สำคัญใน MOU ที่ธนาธรลงนาม คือ จะไม่ซื้อหุ้นไทยทุกทอดตลอดสายภายใต้สัญญา,การจัดการกองทุนนี้จะดำรงต่อไปจนกว่า ธนาธร จะพ้นตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว 3 ปี, รายได้เกือบทั้งหมดของไทยซัมมิทมาจากคู่สัญญาที่เป็นเอกชน แต่ในอนาคตหากบริษัทเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ ให้ประชาชนตรวจสอบจริงจัง และสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา จะขายหุ้นเครือมติชนในเวลาอันใกล้นี้

ธนาธรย้ำกับสื่อว่า "ต้องบอกว่าผมเชื่อมั่นในเกียรติภูมิของตัวเองเพียงพอ เมื่อแบ่งเส้นระหว่างธุรกิจกับตัวเองแล้ว เราจะ���ม่ข้ามเส้นไปอีก ผมว่าภารกิจและความฝันของผมใหญ่กว่านั้น การกลับไปทำธุรกิจแล้วจะทำให้รวยขึ้นร้อยล้านพันล้าน แต่ทำให้เราต้องด่างพร้อย ทำให้ความฝันเราไม่เป็นจริง ผมไม่ทำ"

ขณะที่ “สฤนี อาชวานันทกุล” ก็ย้ำว่า “การลงนาม MOU ของคุณธนาธร โอนทรัพย์สินให้จัดการแบบ blind trust ก่อนที่ตัวเองจะรู้ผลการเลือกตั้ง (ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ด้วยซ้ำ) จึงนับเป็นก้าวที่น่าชื่นชม ขยับเพดานธรรมาภิบาลนักการเมือง สังคมควรเรียกร้องให้นักการเมืองคนอื่นทำตาม”

นี่คือแคมเปญของพรรคอนาคตใหม่ในโค้งสุดท้าย เป็นการผลักดันสารทางการเมืองถึงคนไทยว่า “อย่าให้การเมืองเก่า พาประเทศไทยกลับไปเหมือนเดิม” นิยามการเมือง ในรอบสองสัปดาห์นี้ชัดเจน ผ่านฉากการโจมตีจากธนาธรไปยังอภิสิทธิ์ หรือนัยหนึ่งคือฉากการโจมตีจากธนาธรไปยังนักการเมือง/พรรคการเมืองที่ไร้จุดยืนทางการเมือง และพร้อมจับมือร่วมกับเผด็จการสานอำนาจทางการเมือง

เมื่อวันประชุมตั้งพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2561 ที่สเตเดี้ยมใหญ่ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ครั้งนั้นประชาชนมาร่วมชุมนุมอย่างหลวมๆราว 3 พันคน ถือเป็นวันจุดไฟฝันเริ่มต้นอุดมการณ์ในครั้งแรก ทว่าเมื่อผ่านไป 1 ปี อนาคตใหม่ค่อยๆทำลายสถิติจำนวนผู้มาฟังการปราศรัย จนนาทีนี้ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์ญี่ปุ่นไทย-ดินแดง กรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2562 อาจมี Futurista มากกว่า 3 พันคนกระทั่งเลย 1 หมื่นคนมาร่วมฟังการปราศรัย!!

วยาส
24Article
0Video
63Blog