ลี แจมยอง ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ตัวชูโรงจากพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลีระบุว่า มีประชาชนชาวเกาหลีใต้กว่า 10 ล้านคนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอาการผมร่วง หลายต่อหลายคนต้องสั่งยารักษาจากต่างประเทศ หรือต้องหันไปใช้ยารักษาต่อมลูกหมากเป็นอีกทางเลือก เนื่องจากตัวยารักษาอาการผมร่วงมักมีราคาที่สูง ทั้งนี้ ลีระบุอีกว่า การรักษาผมร่วงมีความจำเป็น เพราะมันช่วยให้เกิด “ความสมบูรณ์ของร่างกาย”
ด้วยเหตุดังกล่าว ลีจึงได้เสนอนโยบายการรักษาอาการผมร่วงให้ครอบคลุมอยู่ในประกันสังคม ทำให้ประชาชนชาวเกาหลีใต้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวออกกันไปในหลายแนวทาง อย่างไรก็ดี จอง ดาอึน หญิงรายหนึ่งที่ให้การสนับสนุนนโยบายของลีระบุว่า เธอกำลังประสบกับปัญหาอาการผมร่วง และเธอถอดใจจากการรักษาไปแล้ว เนื่องจากในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา เธอเสียค่าใช้จ่ายไปกับแชมพูและอาหารที่ช่วยอาการผมร่วงกว่า 4 ล้านวอน (ประมาณ 1.1 แสนบาท)
ในทางตรงกันข้าม ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคฝ่านค้านของเกาหลีใต้อย่าง อา ชอลซู ซึ่งเคยเป็นแพทย์และนักธุรกิจด้านซอฟต์แวร์วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของลีว่าไร้ความรับผิดชอบ ทั้งนี้ เขาเสนอว่าหากตนได้รับเลือก ตนจะเลือกใช้วิธีการลดราคายา และให้ทุนในการพัฒนาการรักษาอาการผมร่วงในรูปแบบใหม่แทนนโยบายค่ารักษาผมร่วงด้วยประกันสังคมของลี
ลีเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกีของเกาหลีใต้มาก่อน โดยเขามีนโยบายการจัดการโควิด-19 ในพื้นที่อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ลีเคยถูกเรียกว่าเป็น “เบอร์นี แซนเดอร์ส ที่ประสบความสำเร็จ” ของเกาหลีใต้ จากการผลักดันแนวคิดรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า ที่ไม่ต่างอะไรไปจาก ส.ว.คนดังของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ลี ซังอี อาจารย์ภาคแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเจจูอธิบายว่า นโยบายของลีอาจส่งผลทำให้ประกันสังคมของเกาหลีใต้พบกับการสะดุดหยุดลงได้ เนื่องจากงบประมาณกว่าแสนล้านวอนจะถูกนำไปใช้กับการรักษาผมร่วง ในขณะที่จุดประสงค์แท้จริงของประกันสังคมนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเงินค่ารักษาของผู้ป่วยอาการหนักอื่นๆ
ปัจจุบัน ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีประชาชนชาวเกาหลีใต้กี่คน ที่กำลังประสบกับปัญหาภาวะผมร่วง ทั้งนี้ บริการประกันสุขภาพแห่งชาติเกาหลีใต้มีรายงานประชาชนเข้ารับการรักษาในลักษณะดังกล่าวเพียงแค่ 230,000 รายในปี 2020 เท่านั้น
ที่มา:
https://apnews.com/article/elections-campaigns-south-korea-05822f0049bd9836aa11372a131a023c