เพื่อหวังทำความเข้าใจผู้นำกองทัพบกคนใหม่ ด้วยตำแหน่งที่ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เพราะมีอำนาจทางการทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถกระทำการรัฐประหารได้เสมอ เมื่อเงื่อนไขทางการเมืองสุกงอม
เพียงแค่หัวข้อก็อาจทำให้หลายคนต้องทึ่ง!
เมื่องานวิจัยของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เมื่อครั้งเป็น พล.ต. ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่1 รักษาพระองค์กองทัพบก ในฐานะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 59 ประจำปีการศึกษา พ.ศ.2559-2560 ถูกจัดในหมวดหมู่ "สังคมจิตวิทยา" เรื่อง "การจัดระเบียบชุมชนริมคลองลาดพร้าว เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน"
ไม่ใช่หมวดหมู่ด้าน "การทหาร" ทั้งที่ตนเองเคยมีประสบการณ์ทั้งในประเทศและในระดับสากลเข้าร่วมการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ กองกำลังนานาชาติ INTERFET ณ ติมอร์เลสตะวันออก เมื่อปี 2542-2543
งานวิจัยความยาว 85 หน้า แบ่งเป็น 5 ความสนใจของ ผบ.ทบ.คนใหม่ถูกเฉลยไว้ในส่วนคำนำถึงได้ฉายภาพให้เห็นแรงขับดันที่ให้ความสนใจมากยิ่งขึ้น มีใจความว่า เนื่องจากคลองลาดพร้าวเป็นคลองขุดในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่สภาพแม้น้ำกลับเน่าเสีย และใช้สัญจรไม่ได้ ประกอบกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล กำหนดให้การจัดระเบียบชุมชนริมคลองลาดพร้าวเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการบริหาร
เนื้อหางานวิจัยเป็นไปอย่างเข้มข้นจริงจัง ใช้วิธีวิทยาในการวิจัยแบบผสมผสานระหว่างเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ สำรวจความคิดเห็นชาวชมุชนริมคลองลาดพร้าว จำนวน 382 คน ควบคู่การการรีวิววรรณกรรม อ้างอิงแนวคิดทางสังคมวิทยา ใช้ทฤษฎีลําดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ในการศึกษา ใส่บรรณานุกรมเชิงอรรถอย่างหลากหลายทั้งหนังสือภาษาไทย ภาษาอังกฤษ งานวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น jarsuwa.blogspot.com/2013/07/blog-post_22.html
ภาพรวมดูเหมือนนักวิจัยหมายเลข 8120 มีหลักคิด โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของการอยู่ร่วมกันในสังคมในกลุ่มย่อย
แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับความมั่นคงแห่งรัฐที่แยกเฉพาะออกมาในส่วนหนึ่งของแนวคิดการศึกษา ซึ่งเห็นว่า ปัญหาต้องได้รับการจัดระเบียบ และตระหนักถึงประวัติศาสตร์ไทยฉบับทางการเป็นสำคัญ
งานวิจัยมุ่งสนองต่อการดำเนินงานของรัฐบาล คสช. ที่ปัจจุบันกลายเป็น "โครงการบ้านประชารัฐริมคลองลาดพร้าว" ซึ่งเป็นแผนแม่บทพัฒนาชุมชน - จัดระเบียบสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำริมคลอง ทั้งนี้ อาจทำให้พอเห็นวิธีคิดอย่างกว้างของ ผบ.ทบ.คนที่ 42 แต่ยังไม่กระจ่างชัดในแง่มุมทางการเมือง
ส่วนเครือข่ายเพื่อนร่วมรุ่นที่มักถูกจับตานั้น วปอ. 59 มีจำนวน 281 คน แบ่งเป็นหทาร 119 คน พลเรือนและรัฐวิสาหกิจ 83 คน ข้าราชการอื่น ๆ และองค์กรอิสระ 15 คน คนทั่วไป 23 คน และทหารชาวต่างชาติ 9 คน เช่น อนุชา เหล่าขวัญสถิตย์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานบริหารความเสี่ยง อนุมัติ อาหมัด ตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
สำหรับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ.คนใหม่จะเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เกิด 1 ม.ค. 2506 เหลืออายุราชการ 3 ปี จบเตรียมทหาร รุ่นที่ 22 (ตท.22) นายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 33 (จปร.33)
ขณะที่ 'วาสนา นาน่วม' นักข่าวสายทหาร โพสต์เฟซบุ๊กถึงบุคลิกของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ มีฉายาว่า 'บี้ อดทน' ว่า เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก พร้อมยืนยันจะให้สัมภาษณ์เฉพาะภารกิจกองทัพ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
"แม้จะว่ากันว่า เป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ก็เป็นประเภท พูดน้อย ต่อยหนัก" วาสนา นาน่วม ย้ำ
ส่วนบารมีนั้นแน่นอนว่า ผบ.ทบ.ถอดด้าม คือ "นายทหารคอแดง" หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (รอง ฉก.ทม.รอ.904)
สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า เส้นทางการงานในชีวิตทำให้เป็นนายทหารไฮบริด 3 กลุ่ม ทั้ง "หมวกแดง วงษ์เทวัญ และบูรพาพยัคฆ์" เคยชิมลางทางการเมืองด้วยการเป็น สมาชิก สนช.ในช่วงการยึดอำนาจของ คสช.
วิกฤตการเมืองและเศรษฐกิจของสังคมไทยที่กลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอกขีดเส้นต้องจบในเดือน ต.ค.นี้ จึงเป็นโจทย์หินที่กองทัพบกภายใต้การนำของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ต้องเผชิญสถานการณ์
และจากนี้ไปทุกย่างก้าวของ ผบ.ทบ.ชื่อ ณรงค์พันธ์ ล้วนต้องติดตามอย่างไม่คลาดสายตา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง