วันที่ 15 ต.ค. 2565 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 บูธ i39 ซึ่งเป็นบูธของมูลนิธิไทยคม ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกิจกรรมแจกลายเซ็นผ่านระบบเทเลปริ้นเตอร์ให้กับผู้ที่มาซื้อหนังสือ “THAKSIN SHINAWATRA Theory and Thought” โดยเนื้อหาภายในหนังสือเป็นการบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ ทักษิณ ผ่านมุมมองของครอบครัว และคนรอบข้าง ซึ่งการแจกลายเซ็นครั้งนี้เป็นการแจกลายเซ็นแบบตัวต่อตัว

โดย ดร.ทักษิณ ได้พูดคุยกับแฟนหนังสือผ่านหน้าจอก่อนใช้ปากกาแจกลายเซ็นพร้อมข้อความสดๆ จากดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มาปรากฎที่บูธดังกล่าว 

ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนจำนวนมากขอเข้าแถวขอลายเซ็นจาก ดร.ทักษิณ จนต้องเปิดให้แฟนหนังสือรับบัตรคิวขอลายเซ็นล่วงหน้าก่อนตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น. โดยช่วงก่อนการแจกลายเซ็น ทักษิณ ได้ใช้เวลาพบปะพูดคุยกับแฟนคลับช่วงสั้นๆ โดยกล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านที่มาซื้อหนังสือ และรอต่อคิวเซ็นลายเซ็นออนไลน์วันนี้ 

ดร.ทักษิณ ระบุว่า ก่อนอื่นต้องเรียนว่า กว่าจะมาเป็นหนังสือเล่มนี้ลูกๆ ตนแอบทำให้ ตนมารู้ทีหลังตอนที่เขามาสัมภาษณ์ที่สิงคโปร์ ตนก็ไม่แน่ใจว่าจะออกมาเป็นเล่มได้สวยขนาดนี้ อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณผู้ที่ร่วมให้สัมภาษณ์ในหนังสือเล่มนี้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ภริยาของตน ซึ่งปกติจะไม่ยอมให้สัมภาษณ์ แต่คงยอม เพราะด้วยลูกทั้ง 3 คน โดยในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมดเป็นคำพูดจากใจ ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าจะถูกถามเรื่องอะไรบ้าง นอกจากนี้ยังเป็นการพูดจากประสบการณ์ชีวิตจริง ซึ่งตนคิดว่าประสบการณ์นี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย เพราะอย่างน้อยๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ได้รับรู้จากตนจริงๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์จริงที่ผ่านชีวิตมาอย่างน้อยก็ 50 กว่าปี ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านความลำบาก ท่านทั้งหลายก็จะได้เป็นแนวว่าตนผ่านมาได้อย่างไร

“แน่นอน ทั้งหมดอยู่ที่ใจ ถ้าใจสู้ ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมย่อท้อต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็จะสามารถผ่านพ้นได้ทุกสถานการณ์ ต้องขอบคุณลูกๆ ทั้ง 3 อีกครั้ง รวมไปถึงทีมงานที่ช่วยกันทำหนังสือเล่มนี้ ผมนึกไม่ถึงว่าพี่น้องจะให้ความสนใจมากขนาดนี้ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ” ทักษิณ กล่าว

เวลา 18.00 น. กิจกรรมก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก รวมไปถึง ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับ ‘วอยซ์’ว่า หนังสือเล่มนี้ (Thaksin Shinawatara Theory and Thought) มีคุณูปการกับสังคมไทย และเด็กรุ่นใหม่ โดยส่วนตัวแล้วตนเป็นแฟนคลับของ ดร.ทักษิณ มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และในวันนี้ก็ไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง แต่มาในฐานะของคนที่ชื่นชอบ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ยังได้มาเข้าร่วมกิจกรรมขอลายเซ็น จาก ดร.ทักษิณ โดยได้ซื้อหนังสือ Book Set พร้อมทั้งโปสการ์ด กระเป๋าผ้า และเสื้อยืด ก่อนจะไปต่อแถวเพื่อร่วมกิจกรรมรอพบ ดร.ทักษิณ

"หนังสือเล่มนี้เป็นทั้งอุทาหรณ์ให้กับผมที่คิดจะทำการเมือง ทำให้คิดถึงตอนที่จะก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ก่อนจะถูกยุบไป ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้คนที่ชอบคุณทักษิณก็ต้องอ่าน คนที่ไม่ชอบคุณทักษิณก็ต้องอ่าน" ปิยบุตร กล่าว 

ทั้งนี้ประชาชนที่มาเข้าร่วมก็ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความประทับใจกับ ‘วอยซ์’ โดยส่วนใหญ่ต่างก็กล่าวให้กำลังใจทักษิณ และพูดถึงนโยบายในอดีตของพรรคไทยรักไทยที่เคยทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ รวมถึงต้องการให้ทักษิณกลับสู่เมืองไทยโดยเร็ว 

ขณะที่ ดร.ทักษิณ กล่าวกับแฟนคลับคนหนึ่งว่า ประเทศไทยเป็นเหมือนลิงไต่เสาน้ำมัน พอเคลื่อนขึ้นไปก็ลื่นไหลลงมาเพราะปฏิวัติตลอด ถ้าเลิกปฏิวัติเมื่อใดบ้านเมืองเราสบายมาก ศักยภาพของประเทศ และคนเราดีพอ เพียงแต่ปฏิวัติมากเกินไปและปฏิวัติทีไรก็ได้คนที่ความคิดไม่ถึงโลก และเป็นคนที่คิดอยู่แถวชนบท ประเทศจึงไปไม่ได้

ทั้งนี้ มีแฟนคลับถามว่า ได้ข่าวว่า ดร.ทักษิณจะกลับไทยเดือนหน้าจริงหรือไม่ ดร.ทักษิณ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “กลับครับ แต่ยังไม่ได้แพลนว่าจะกลับเมื่อใด แต่ไม่น่าจะนานเกินไป”

จากนั้น ปิยุบตร ได้พูดคุยกับ ดร.ทักษิณ และขอให้ ดร.ทักษิณได้ฝากถึงประชาชนไทยที่รักประชาธิปไตย และต่อต้านฝ่ายสืบทอดอำนาจ และเผด็จการหรือไม่ โดย ดร.ทักษิณ กล่าวว่า ประชาธิปไตยต้องอดทน เพราะว่าเราอยู่ในประเทศที่ทหารชอบถือโอกาสเข้ามาแย่งประชาธิปไตยไปจากประชาชนเป็นเนืองๆ แต่ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยยังยึดมั่น และเดินต่อไป โดยเฉพาะประชาชน และเชื่อมั่นใจประชาธิไตยบ้านเมืองก็น่าจะเดินไปได้มากกว่านี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้ประชาชนเอาประชาธิปไตยคืนมา หลังการเลือกตั้งก่อนครั้งหน้า

ปิยบุตรจึงกล่าวต่อว่า ตนกับ ดร.ทักษิณมีชะตากรรมร่วมกัน ตั้งพรรคก็ถูกยุบ เหลืออย่างเดียวไม่รู้ว่าเขาจะให้ตนไปอยู่เมืองนอกเมื่อไหร่ ทำให้ ดร.ทักษิณ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เพราะเจ้านายของเราก็อยากเห็นบ้านเมืองสงบ