วันที่ 11 มี.ค. 2565 ที่โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 ก่อนการนัดรับประทานเที่ยงของกลุ่มพรรคการเมืองขนาดเล็ก สุรทิน พิจารณ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากปิดสมัยประชุมรัฐสภา ก็อยากจะนัดเจอกันเดือนละครั้ง ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะแสดงในนัยทางการเมือง แค่คุยกันเฉยๆ เป็นการนับนิ้วมือเล่นๆ และย้ำว่าไม่ใช่การเช็คเสียงที่จะสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ ตอนนี้ยังมีเวลา ขอพูดคุยกับเพื่อนในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน เพราะตอนนี้เรายังเป็นรัฐบาล ถ้ายุติกลางคันจะทำให้เดือดร้อน
เมื่อถามว่าเหตุใด ร.อ.ธรรมนัสจึงให้การสนับสนุนการพบปะสังสรรค์กันในวันนี้ สุรทิน ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัสให้การอนุเคราะห์ตัวผู้แทนที่มาจากพรรคเล็ก ไม่ได้มีเรื่องเงินหรืองบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง ลำพังลงพื้นที่ก็หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่ตัดสินใจว่าจะแสดงความเห็นด้วยกับพรรคเศรษฐกิจไทยในอนาคตหรือไม่ แต่ยังยืนยันว่าวันนี้เรายังเป็นรัฐบาล
สุรทิน ยังยอมรับว่าเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีแต่หนี้เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าแพง เงินเฟ้อเกิน 5% นอกจากนี้ยังมีวิกฤตสงครามยูเครน-รัสเซีย
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ นัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานมื้อค่ำ โดยไม่ได้เชิญพรรคเล็ก สุรทินกล่าวว่า ไม่ได้อยากไปกินด้วยซ้ำเพราะไม่อร่อย เราต้องทานอาหารที่เรารู้สึกอร่อย และไม่ได้คิดว่าพวกตนเป็นน้ำพริกถ้วยเก่า
"เราเป็นพรรคการเมืองไม่ใช่กลุ่มการเมือง เราก็มีมือ จะไปออนซอนอะไร กินก็กินไป"
ส่วนการนัดรับประทานอาหารครั้งต่อไปที่มีพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์เป็นเจ้าภาพ สุรทินกล่าวว่าขอหารือกับเพื่อนในพรรคร่วมก่อน การจะไปร่วมรับประทานหรือไม่ได้ไปนั้นไม่ถือเป็นประเด็น ประเด็นสำคัญอยู่ที่ใจ ซึ่งใจตอนนี้ยังเป็นรัฐบาลอยู่ แต่จะตลอดรอดฝั่งหรือไม่ยังไม่รู้
สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป สุรทินกล่าวว่า ต้อง ประเมินว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคค่อนข้างแพง ตอนนี้ยังเป็นรัฐบาลจึงไม่สามารถพูดอะไรมากได้ ยังไม่ได้ประเมินว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหน แต่เชื่อว่าการเป็นรัฐบาลต้องอยู่ให้ได้นานที่สุด
ทั้งนี้ สุรทินยืนยันว่า พรรคประชาธิปไตยใหม่ พร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ และมีการเตรียมตัวหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ส่วนตัวก็อยากให้ยุบสภา เพราะเห็นว่านโยบายรัฐบาลใช้ไม่ได้จริงรทินยืนยันว่า พรรคประชาธิปไตยใหม่ พร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหม่ และมีการเตรียมตัวหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ส่วนตัวก็อยากให้ยุบสภา เพราะเห็นว่านโยบายรัฐบาลใช้ไม่ได้จริง
'ธรรมนัส' ปัดเช็กเสียงพรรคเล็ก อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯ เผยเมื่อไหร่ 'เปรี้ยง' แน่นอน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับ ส.ส.พรรคขนาดเล็ก ที่โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 โดย กล่าวว่า กลุ่ม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคอยากทานข้าวร่วมกันอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อวาน (10 มี.ค.) สุรทิน พิจารณ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ โทรฯ เชิญว่าอยากให้มาร่วมด้วยตนจึงเดินทางมาในวันนี้ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ ส่วนความรู้สึกของพรรคเล็กที่ไม่ได้รับเชิญในการร่วมรับประทานอาหารกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ขอให้ไปถามพรรคนั้นๆ เอง
ส่วนกรณีที่วันนี้จะถือเป็นนัยทางการเมือง หรือจะเป็นการชักชวนให้มาร่วมพรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่า ส.ส.พรรคเล็กในส่วนนี้ ตนได้ดูแลมาตลอด 3 ปี ไม่ใช่ดูแลในเรื่องเงินทอง แต่เป็นเรื่องการลงพื้นที่ ซึ่ง ส.ส.กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากภาคอีสาน ซึ่งตนได้ไปลงพื้นที่บ่อยครั้ง จึงทำให้สนิทกับ ส.ส. กลุ่มนี้เป็นอย่างดี พร้อมระบุว่าตอนนี้ยังไวไปที่จะพูดถึงตัวเลข หรือเสียงสนับสนุนรัฐบาล เพราะต้องดูประเด็นที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายในการเปิดประชุมสมัยหน้า และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมยืนยันว่าพรรคเศรษฐกิจไทยมีหลักที่ชัดเจน โดยยึดมติพรรคเป็นที่ตั้ง
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนกับ ส.ส. พรรคเล็กรักกันมานานไม่ได้เพิ่งมาสร้างภาพว่ารักกัน และอย่าลืมว่า ตนเป็นคนชวนพรรคเล็กมาร่วมรัฐบาล ส่วนการรับประทานอาหารค่ำของพรรคร่วมรัฐบาลที่ผ่านมา ตนไม่ทราบว่าบนโต๊ะอาหาร พูดคุยอะไรกัน แต่อยากย้ำว่า การทำการเมืองต้องมีอุดมการณ์ของตัวเอง ไม่ใช่ชักเข้าชักออก ไม่เช่นนั้น ประชาชนจะฝากความหวังไว้กับใคร
ร.อ.ธรรมนัส ยังเปิดเผยว่าขณะนี้มีการเตรียมสาขาพรรค เกือบ 90% แล้ว และยืนยันจะส่ง ส.ส. ลงสมัครครบทั้ง 400 เขต โดยวันที่ 18 มี.ค. นี้จะมีการประชุมพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะทยอยเปิดชื่อคณะทำงานของพรรครวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรค พร้อมระบุว่า นโยบายของพรรคเศรษฐกิจไทย มุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งหากเปิดชื่อ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเชื่อว่าจะเปรี้ยงแน่นอน เพราะมีประสบการณ์และผ่านงานเศรษฐกิจมานาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส. พรรคเล็กที่มาร่วมวงมื้อเที่ยงกับ ร.อ.ธรรมนัส โดยมี ส.ส.จากพรรคการเมืองใหญ่มาร่วมด้วย ประกอบด้วย 1.สุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ 2.ดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย
3.พีระวิทย์ เลื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม 4.พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
5.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท 6.นพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย
7.คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติไทย 8.สมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา
ขณะที่ พรรคเศรษฐกิจไทย มีเพียง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย และ จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคเศรษฐกิจไทย ร่วมมื้ออาหารเที่ยงครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีหัวหน้าพรรคเล็กบางส่วนที่ไม่ได้ปรากฏตัวในวันนี้ เช่น นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชานิยม
ปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย
ส่วน ชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทยนั้น ไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งลูกพรรคมาแทน ขณะที่ กลุ่ม 16 ส.ส. นั้น ขาด มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ และ ยรรยงก์ ถนอมพิชัยธำรง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย
พรรคจิ๋วบอกรอยุบสภาก่อนค่อยคิดควบรวมพรรค บอกนายกฯ อย่ากลัว ทำงานให้เต็มที่
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมด้วย กลุ่ม ส.ส.พรรคขนาดเล็ก ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังร่วมกันรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จสิ้น
โดย พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม เปิดเผยว่า หัวข้อสนทนาบนโต๊ะอาหารคือการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่าจะแปรญัตติกันอย่างไร แต่เนื่องจากหลังปิดสมัยประชุมแล้ว เพื่อน ส.ส.จะไม่ค่อยได้เจอกัน จึงได้นัดหมายกันก่อนหน้านี้ พอดีกับ ร.อ.ธรรมนัส อยากพูดคุยกับกลุ่มพรรคเล็กในฐานะที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาล จึงเป็นสาเหตุที่มานัดรับประทานอาหารกันวันนี้ ซึ่งมีจำนวนหลาย 10 ท่าน จากหลายพรรคการเมือง
สำหรับความเป็นไปได้ในการรวมพรรคกันในอนาคต พีระวิทย์ระบุว่าให้ยุบสภาก่อนแล้วค่อยว่ากัน วันนี้เป็นเพียงการพูดคุยตกลงกันก่อน แต่ก็มีหลายท่านแสดงออกว่าพร้อมจะเดินร่วมกันต่อไปในอนาคต ส่วนที่มีการมองว่าเป็นการรวมตัวกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ขึ้นอยู่กับตัวนายกรัฐมนตริเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ส.ส.ที่มาในวันนี้
“ถ้านายกฯ และรัฐมนตรีทุกท่านทำผลงานเป็นที่ประจักษ์ และแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อยู่แล้ว ถ้าพวกเราไม่ให้ความเห็นชอบ พวกเราก็เลวแล้ว ขึ้นอยู่ที่ตัวนายกฯ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ส.ส. ที่มาในวันนี้ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกลัวอะไร ท่านทำงานให้เต็มที่ พวกเราไม่ได้ต่อรอง แต่น่าจะเป็นอีกหนึ่งเสียงกระตุ้นให้ท่านทำงานอย่างเต็มที่ และยุติธรรมที่สุด”
ปัดต่อรองเก้าอี้ รมต. ชม 'ธรรมนัส' ดูแลดี วอนสื่อห้ามออกข่าวแจกกล้วย
ส่วนความเป็นไปได้ในการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี พีระวิทย์ ถามกลับว่า แล้วนายกฯ จะให้ไหม เรารู้อยู่แล้วว่าท่านจะไม่ให้ จึงไม่เคยคิดถึง และยืนยันว่าในการทานข้าววันนี้ไม่มีคำว่ารัฐมนตรีหลุดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ชักชวน ร.อ.ธรรมนัส มาร่วมโต๊ะ พีระวิทย์ ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้ชักชวนทาบทามพวกเราเข้ามาเป็นรัฐบาล แม้พวกเราจะมาจากต่างพรรคการเมือง มีนโยบายร้อยพ่อพันแม่ แต่ตลอดระยะเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ท่านได้ดูแลพวกเราอย่างดี และเมื่อท่านพ้นจากตำแหน่งแล้ว เราก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งท่าน ท่านเองก็บอกเสมอว่า พวกเราคือเพื่อน พี่ น้อง ด้วยกัน
นอกจากนี้ พีระวิทย์ ยังย้ำอีกว่า ขออย่าให้สื่อมวลชนไปออกข่าวเรื่องการแจกกล้วย พร้อมยืนยันว่าวันนี้ไม่ได้มีการแจกอย่างที่เข้าใจกันแน่นอน
'ธรรมนัส' พูดแทนพรรคเล็ก ถูกเมินทั้งที่ช่วยจัดตั้งรัฐบาล
ด้าน ร.อ. ธรรมนัส ระบุคำถามกรณีได้มีการชักชวน ส.ส. มาร่วมพรรคหรือไม่ โดยตอบว่า มีหลายท่าน โดยเฉพาะพี่น้องหลายท่านที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และมีความผูกพันกันมานาน ทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ตนเป็นคนชักชวนพวกเขามา ไม่สามารถทอดทิ้งพวกเขาได้ ความผูกพันมีมากกว่าการเป็น ส.ส.ด้วยกัน วันนี้หลายท่านก็ตัดสินใจมาอยู่ร่วมพรรคเดียวกับตนในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว
“หลายๆ ท่านที่มาพูดคุยกันในวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน คือเอาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง แม้ว่าจะเป็นพรรคเล็ก แต่ผมถือว่าทุกท่านมีความสำคัญเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะมี ส.ส.ในพรรคเท่าไหร่ ต้องให้เกียรติทุกคน กว่าจะรวมตัวกันมาจัดตั้งรัฐบาลได้ เสียง 20 กว่าเสียงเมื่อปี 2562 มีความสำคัญมาก แต่เวลาผ่านมา 3-4 ปี กลับไม่ให้ความสำคัญกับเขาเลย ก็เป็นสิ่งที่น่าคิด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว