พรรคเพื่อไทย จัดสัมมนาโครงการเสริมสร้างศักยภาพและบุคลากรทางการเมืองระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค. 2562 มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายกิตติรัตน์ ณระนอง นายโภคิน พลกุล นายชัยเกษม นิติสิริ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายชูศักดิ์ ศิรินิล น.อ.อ.อนุดิษฐ์ นาครทัพ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชัยเกษม นิติสิริ รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทย ร่วมสัมมนา
ในการสัมมนาโครงการเสริมศักยภาพและบุคลากรทางการเมือง ณ จังหวัด เพชรบุรีและ ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง
ช่วงสำคัญคือการขึ้นเวทีพูดคุยกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยนายสมพงษ์ ได้อภิปรายถึงการเติบโตของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีจุดเริ่มต้น จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเห็นพี่น้องประชาชนมีความอยู่ดีกินดี พร้อมดำเนินนโยบาย ที่สร้างความอยู่ดีกินดี เช่น กองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้งยังเป็นผู้ที่ผลักดันให้พรรคเกิดความสมัครสมานสามัคคี และยังเป็นพรรคที่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนทุกครั้งในสภาผู้แทนราษฎรนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนถึงปัจจุบันเป็นพรรคอันดับ 1 มาโดยตลอด
สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการคำนึงถึงสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะความยากลำบากของประชาชนและนำนโยบายต่างๆ ที่กินได้มาให้กับประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนยังรักและเชื่อมั่นในความเป็นพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ประชาชนไม่เคยทอดทิ้งพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นพรรคที่มีความจริงใจ รักษาสัจจะรักษาคำพูดโดยเฉพาะสิ่งใดที่เป็นสัญญาประชาคมได้ดำเนินการและปฏิบัติมาโดยตลอด
พร้อมกล่าวชื่นชม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ทำงานด้วยความ อุตสาหะ วิริยะมาโดยตลอด ซึ่งจะต้องยึดมั่นในความเป็นเอกภาพ สมัครสมานสามัคคี
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกระทบกระทั่งบ้าง แต่ยังอยู่บนพื้นฐานของการทำความเข้าใจกันได้พรรคเพื่อไทยไม่มีการแตกฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจ ทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับพรรคเพื่อไทยซึ่งฐานแห่งการทำงานวางอยู่บนพื้นฐานของความรักใคร่สามัคคี
โดยมั่นใจว่าจะสานต่อความสำเร็จให้กับพรรคเพื่อไทยให้จงได้ สำหรับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เข้มแข็งจะต้องยึดมั่นในหลายประการเช่นการยึดมั่นในเป้าหมายเพื่อประโยชน์ต่อชาติต่อประชาชนเป็นหลัก ประโยชน์ส่วนตัวจะต้องเป็นอันดับสุดท้ายเพราะเราถือว่าพรรคการเมืองโดยเฉพาะคนที่จะเข้ามาทำงานทางการเมืองจะต้องเป็นผู้เสียสละมีจิตอาสา ทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน เท่านั้น
และพรรคเพื่อไทยจะต้องติดตามโลกยุคใหม่ที่มีการผันผวนให้ทันซึ่งอยู่ที่พวกเราทุกคนเริ่มตั้งแต่ผู้นำสมาชิกเพื่อนฝูงญาติมิตรซึ่งมีจิตใจต่อพรรคเพื่อไทยและพรรคเพื่อไทยจะต้องเสียสละทำงานอย่างจริงจังให้พรรคเพื่อไทยไปถึงเป้าหมายได้ตามความปรารถนา
ทั้งนี้ยืนยันว่าแม้จะมีความเห็นต่างแต่พรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกวินาทีซึ่งจะต้องใช้ความเป็นพรรคแกนนำหลักในสภาผู้แทนราษฎรมองภาพกลับไปว่าการเป็นพรรคอันดับ 1 ของประเทศเราทำอย่างไรและประสบความสำเร็จอย่างไร ซึ่งจะต้องช่วยกันอุทิศและเสียสละความเป็นส่วนตัวมุ่งมั่น ให้พรรคก้าวไปสู่เป้าหมายที่กำหนด โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาตลอด
พร้อมย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นกลไกที่พาพี่น้องประชาชนพ้นจากความทุกข์ยาก ซึ่งจะเป็นกลไลและหนทางแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้มีคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะกรอบงบประมาณ ที่จะดำเนินการ พรรคเพื่อไทยจะได้ร่วมกันคิดอ่านเพื่อนำไปพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร
จากการพูดคุยกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ขอเวลาเบื้องต้น 3 วัน ซึ่งรัฐบาลจะต้องชี้แจงและทำความเข้าใจให้กับพรรคเพื่อไทยได้ทราบว่า งบประมาณจะต้องตรวจสอบได้ให้เกิดความเชื่อมั่น ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะได้ชี้แนะ ให้เกิดความกระจ่าง ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สมกับการเป็นที่พึ่งของประชาชน
"สุดารัตน์" นำทีมรับฟังปัญหาประมง - ปัญหาเกษตรกรสับปะรด
ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่าจะลุยทำงานหนักต่อเนื่องโดยเฉพาะการดันพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้หลังจากที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์สามารถเอาชนะคู่แข่งจากพรรคการเมืองซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมได้ และขอบคุณ นักรบของเพื่อไทยที่ต่อสู้ กับอำนาจต่างๆ ที่ผ่านมา ทั้งอำนาจเงินอำนาจทางกฎหมายและการนำคดีความมาใช้
ยืนยันว่า ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ทำงานอย่างมั่นคงในอุดมการณ์ที่ได้ถูกถ่ายทอดมากว่า 18 ปี ได้ยึดถือและถ่ายทอดจากอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ที่มีหลักการของประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีอุดมการณ์ที่จะต้องซื่อสัตย์ ยึดประโยชน์ของประชาชนมาก่อนประโยชน์ของนักการเมืองพรรคเพื่อไทยจะต้องมาทีหลัง
ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในอุดมการณ์ของเราโดยเฉพาะความมั่นคงต่อพี่น้องประชาชนเชื่อว่าตราบใดที่ในหัวใจมีประชาชน ประชาชนก็จะมีเราอยู่ในหัวใจนานเท่านานเช่นกัน
ขอให้พวกเรารวมกันเป็นหนึ่งเพื่อให้ความหวังของพี่น้องประชาชนเป็นจริงโดยเฉพาะใน 3 ด้านสำคัญ คือพรรคเพื่อไทยจะคืนความอยู่ดีกินดีเศรษฐกิจที่ดีด้วยความสงบสุขของประเทศไทยให้คนไทยให้ได้
พรรคเพื่อไทยจะธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลัก ประกอบด้วย ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ พร้อมนำประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับสู่ประเทศไทยให้ได้ และคืนศักดิ์ศรีคืนเกียรติยศเกียรติภูมิของคนไทยและประเทศไทยและต่างชาติไทยให้กลับมาทัดเทียมโลกอีกครั้งเหมือนในสมัยที่เคยทำประสบความสำเร็จในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ
และขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่รอช้าโดยจะนำโอกาสจากเทคโนโลยีของโลกยุคใหม่มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แม้จะไม่มีอำนาจรัฐในมือ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าพลังความรักพลังความทุ่มเทพลังของหัวใจที่มีประชาชนเสมอมาจะสามารถนำพาพี่น้องคนไทยไปสู่ชัยชนะ ไปสู่ความหวังของประชาชน และไปสู่สิ่งที่ประชาชนรอ ทั้งเศรษฐกิจปากท้องและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่พรรคเพื่อไทยจะต้องรวมพลังให้มั่น ถึงขอให้พวกเราพรรคเพื่อไทยถึงภาคภูมิใจที่ได้เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยที่พี่น้องประชาชนรอและพี่น้องประชาชนตั้งความหวังไว้เราคือเพื่อไทยของเรา
ขณะเดียวกันยังมี ช่วงที่คุณหญิงสุดารัตน์ นำคณะ ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปศึกษาดูงาน "โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ" รวมถึงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อน โดยเฉพาะที่ ที่ธนาคารปูม้า อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะกรรมาธิการการเกษตร และคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ จากพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวประมงและเกษตรกร จากกลุ่มประมงอำเภอบางสะพานกลุ่มประมงพาณิชย์อำเภอปราณบุรี กลุ่มประมงเรือเล็กอำเภอปราณบุรี กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปราณบุรีกลุ่มธนาคารปูอำเภอปราณบุรี กลุ่มเกษตรกร อำเภอกุยบุรีและปราณบุรี
ซึ่งมีการพูดคุยและหารือเรื่องอาชีพประมง ปัญหาเกษตรสับปะรด และหวังว่าจะให้พี่น้องภาคการเกษตรสามารถลืมตาอ้าปากได้
คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่าผู้แทนราษฎรในพื้นที่และอดีตผู้สมัครไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องประชาชนได้สะท้อนปัญหาให้พรรคเพื่อไทยได้รับทราบมาโดยตลอดทั้งเรื่องการท่องเที่ยวเรื่องปัญหาประมง เรื่องปัญหามะพร้าว และสับปะรด ยืนยันว่าความทุกข์ของทุกท่าน คือความทุกข์ของพวกเราพรรคเพื่อไทย วันนี้พรรคเพื่อไทยจึงมารับฟังปัญหาและนำ คณะกรรมาธิการมาด้วย รวมถึงมีนายปลอดประสพสุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการประมง มารับฟังปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไข
พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยแม้ไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่จะใช้อาวุธที่มีอยู่นั่นคือสภาแก้ไขปัญหา อย่างเต็มที่ ยืนยันว่าเราไม่ทิ้งท่านและจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่ดี
"ปลอดประสพ" ไม่เห็นด้วยเรือประมงหยุดวิ่ง กระทบประมงพื้นบ้าน
นายปลอดประสพ แสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการ ที่ให้เรือประมงหยุดวิ่ง และทราบว่าขณะนี้เกิดปัญหากับ เกษตรกรที่เลี้ยงและจับกุ้งขาว ซึ่งสะท้อนว่าผู้นำไม่ใส่ใจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่ และทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประมงโดยเฉพาะกลุ่มประมงพื้นบ้าน ผู้มีอำนาจไม่สามารถตอบคำถามได้ว่ามีวิธีการดูแลและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไร ซึ่งตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยที่เชื่อว่าหากมีอำนาจในการเป็นรัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องประมงได้
จากนั้นตัวแทนผู้ประกอบอาชีพประมงสะท้อนปัญหาด้านแรงงานโดยเฉพาะกฎหมาย ที่กำหนดให้เด็กอายุถึง 18 ปีจึงจะทำประมงในทะเลได้ ซึ่งชาวบ้านชาวประมงมีความเห็นว่า เด็กที่จะมีความชำนาญจะต้องออกทะเลตั้งแต่ 11 - 12 ปี ปัญหาคือพ่อแม่ มีเรือแต่ไม่สามารถนำเด็กลงทะเลได้
ดังนั้นกฎหมายที่ออกมา จึงไม่สอดคล้องกับคนที่ทำอาชีพประมง กฎหมายดังกล่าวยังผลักภาระให้ชาวประมงต้องใช้แรงงานต่างชาติ จึงขอฝากให้ผู้มีอำนาจ พิจารณาแก้ไข
นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบอาชีพหลายด้านทั้งภาษีประมง และภาษีต่างๆ อีกถึงเจ็ดอย่าง ถือเป็นภาระของชาวประมงที่ต้องทุกข์ทนมาตลอด 5 ปี ปัจจุบันต้องแบกรับภาระหนี้สิน ขายเรือและกู้ยืมเงิน เพื่อความอยู่รอด
ด้านนายกสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย ซึ่งมีสมาชิกเกษตรกรอยู่ใน 20 จังหวัดทั่วประเทศ ระบุว่า การพูดคุยที่ผ่านมากับฝ่ายผู้มีอำนาจไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนโดยเฉพาะการประกอบอาชีพที่ต้องมีความมั่นคง โรงงานอุตสาหกรรมซึ่งรับซื้อผลผลิตไปแปรรูปต่างๆ มีเงื่อนไขที่ทำให้เกษตรกรขายราคาผลผลิตได้ต่ำกว่าทุน โดยเฉพาะการอ้างราคาเปรียบเทียบกับต้นทุนในต่างประเทศ ดังนั้นฝ่ายภาครัฐจะต้องเข้ามาแก้ไข
ขณะเดียวกันต้องการ ให้พรรคเพื่อไทย ช่วยผลักดันกฎหมายดูแลเกษตรกรสับปะรด โดยเฉพาะการขึ้นทะเบียนกับโรงงานและโรงงานจะต้องซื้อกับเกษตรกรที่อยู่ในสัญญาซึ่งหากไปรับจากข้างนอกเท่ากับโรงงานผิดสัญญา หากทำได้ตามมาตรการดังกล่าวจะมีการวางแผนระหว่างโรงงานและเกษตรกร
จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวเสริมว่าเรื่องการปรับปรุงหรือการแก้ไขกฎหมายน่าสนใจ จึงเสนอให้กลุ่มเกษตรกร รวมตัวไปพูดคุยถึงรายละเอียดของกฎหมาย
ขณะที่นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ในฐานะกรรมาธิการ มองว่าการออกกฎหมาย อาจไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องและรวดเร็ว แต่รับปากว่าจะนำเรื่องไปแก้ไข ซึ่งมองว่ามีช่องทางที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องอาศัยการแก้ไขพ.ร.บ.หรือยกร่างพ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ซึ่งมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและต้องใช้เวลานาน
ขณะที่ปัญหาคอนแทรคฟาร์มมิ่ง ระหว่างโรงงานและเกษตรกรจะต้องหาแนวทางพูดคุยกันโดยเฉพาะพื้นที่โซนนิ่ง