ไม่พบผลการค้นหา
เพื่อไทย วอนรัฐหยุดปิดข่าวโรคระบาดในหมู ทำฟาร์มปิดตัวเกษตรกรเดือดร้อน เบรกรัฐหยุดเอื้อนายทุนได้ประโยชน์จากราคาหมูพุ่ง

ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาหลายด้าน แม้เกษตรกรได้พยายามส่งเสียงเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาดูแลแก้ปัญหา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยได้ยิน และยังพยายามมองข้ามปัญหาปิดข่าวมาโดยตลอด ไม่เคยแก้ปัญหาที่ต้นทางและออกมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ต้องได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆ ได้แก่ 

1.ปัญหาโรคระบาดในสุกร ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยกำลังประสบปัญหาโรคระบาด ทั้งโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) และโรคเพิร์ส (Porcine Reproductive and Respiratory Syndrome :(PRRS) ซึ่งทำให้สุกรในฟาร์มตายเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อตรวจพบว่ามีการติดเชื้อจะต้องฝังกลบสุกรกว่าแสนตัวไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย เกษตรกรเจ้าของฟาร์มผู้เลี้ยงสุกรจำนวนมากต้องปิดตัวลงแบบจำยอมต่อโรค เมื่อเนื้อหมูขาดตลาด จึงทำให้ราคาขายปลีกพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่กว่า 200 บาทต่อกิโลกรัม สร้างผลกระทบต่อเนื่องมาถึงภาคประชาชนที่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 

2.ภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยในส่วนของเกษตรกรที่พยายามประคองฟาร์มสุกรให้อยู่รอด ทั้งราคาอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น 30% เช่น กากถั่วเลืองเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ16 บาท เป็น 21.50 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากกิโลกรัมละ 6.50 บาท เป็น 10.5 บาท และยังมีค่าใช้จ่ายดูแลป้องกันโรคติดต่ออีกถึงตัวละ 500 บาท แต่กลับเลือกใช้วิธีเอาเนื้อหมูราคาถูกมาขายซึ่งไม่ทั่วถึง ไม่ตรงจุด 

3.เกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ต้องแบกรับค่าปุ๋ยเคมีที่เพิ่มขึ้น โดยปุ๋ยยูเรียราคาเพิ่มขึ้นถุงละ 1,380 บาท ราคายาปราบวัชพืชทั้งกลูสิเนทที่มาใช้แทนแทนกรัมม็อกโซน 4ลิตร อยู่ที่ 720 บาท และสารกลูโฟสิเนท1 ขนาด4ลิตร อยู่ที่1,350 บาท ซึ่งในท้ายที่สุดนายทุนใหญ่ได้ประโยชน์

ตรีชฎา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกษตรกรได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยแก้ไขปัญหาอาหารสัตว์ราคาแพงไปแล้ว แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ส่งผลให้แม่พันธุ์เสียหายกว่า 300,000 ตัว จากเดิมไทยมีแม่พันธุ์สุกร 1.1 ล้านตัว และมีแนวโน้มว่าปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 8 แสนตัว รวมถึงการผลิตหมูขุน ลดเหลือ 15 ล้านตัวต่อปี จากเดิมที่มีประมาณ19-20 ล้านตัวต่อปี เท่ากับสูญเสียหมูขุนไปมากถึง 20-25% และหากรัฐบาลรัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ได้ ระวังช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงเนื้อหมูอาจขาดตลาดได้ 

“รัฐบาลคิดแต่นโยบายแจกแต่ไม่ได้คิดแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร เท่ากับไม่ต้องการให้อาชีพเกษตรกรอยู่คู่กับคนไทย มีแต่นายทุนและเจ้าสัวเท่านั้นที่เติบโตมั่งคั่งรวยกระจุก ส่วนเกษตรกรจนจะตาย ที่ผ่านมาถือว่าพิสูจน์ได้แล้วว่าคนไทยอยู่กันเองได้โดยไม่ต้องมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกอย่างอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่เกษตรกรผู้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศกลับอยู่ในสภาพขาลง” ตรีชฎากล่าว