วันที่ 23 เม.ย. 2565 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 8 เดินหน้าหาเสียงพื้นที่เขตรามอินทราและเขตบึงกุ่ม เริ่มต้นจากตลาดเช้าสายเนตร รามอินทรา 77 ก่อนมุ่งหน้ารับฟังความคิดเห็นจากผู้นำชุมชนในพื้นที่หลายแห่ง เช่น ชุมชนเปรมฤทัย 1 ชุมชน บก. ทหารสูงสุด ชุมชนสุเหร่าแดง ชุมชนวิมานสุข ฯลฯ รับฟังปัญหาเส้นเลือดฝอยชุมชนพื้นที่รอบนอก กทม. รับ 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ชัชชาติ ชูนโยบาย “บริหารจัดการดี” กระจายอำนาจชุมชนร่วมกำหนดงบประมาณ กทม. พร้อมเพิ่มเงินสนับสนุนพร้อมปรับเงินเป็นรายปี หวังชุมชนมีอำนาจพัฒนาโครงการขนาดใหญ่และแก้ปัญหาเส้นเลือดฝอยได้ในระยะยาว 

ชัชชาติ ชูนโยบาย “บริหารจัดการดี” 1 ใน 9 มิติการพัฒนาเมืองน่าอยู่เพื่อทุกคนของทีมเพื่อนชัชชาติ ด้วยการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดงบประมาณ (participatory budgeting) ทั้งงบประมาณเขตและงบประมาณ กทม. โดย กทม. ทำหน้าที่รวบรวมข้อเสนอของประชาชน และแบ่งกลุ่มเป็นความต้องการด้านต่างๆ จากนั้นประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญจัดทำเป็นโครงการพัฒนา มีเนื้อหาครอบคลุมวิธีการทำงาน ระยะเวลา งบประมาณ ตัวชี้วัดความสำเร็จ ก่อนเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกผ่านการให้คะแนน นำไปสู่การปฏิบัติจริงโดยคณะทำงานร่วม กทม. และประชาชนเจ้าของโครงการ พร้อมตั้งระบบรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและผู้ว่าฯ กทม. ทราบเป็นระยะ

นอกจากนี้ ชัชชาติ ยังเสนอนโยบายเพิ่มเงินสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุมชนและปรับการให้เป็นรายปี เนื่องจากปัจจุบันชุมชนได้รับงบประมาณต่อเดือนต่ำที่ 5,000-10,000 บาทต่อเดือนตามขนาดชุมชน ส่งผลให้ชุมชนไม่สามารถเขียนโครงการที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง

ชัชชาติเสนอปรับเพิ่มเงินสนับสนุนคณะกรรมการชุมชน พร้อมปรับรูปแบบการให้เป็นรายปีที่ 100,000 150,000 และ 200,000 บาทต่อปีขึ้นกับขนาดของชุมชน เพื่อส่งเสริมการกระจายอำนาจให้กับชุมชนในการพัฒนาโครงการขนาดที่ใหญ่ขึ้น 

“กทม.ต้องจัดงบประมาณที่ชุมชนมีสิทธิตัดสินใจเลือกโครงการเอง กระจายอำนาจให้ชุมชน สอดคล้องกับนโยบายของเราในการเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนตัดสินใจ อาจอยู่ในรูปแบบของการตัดสินใจด้านงบประมาณ หรือในรูปแบบกองทุนที่ลงมาในพื้นที่เลย เพื่อให้ชุมชนมีสิทธิตัดสินใจเองว่าต้องการพัฒนาอะไร” ชัชชาติกล่าว